“เสธ.แมว” จี้รัฐเร่งตอบโต้กัมพูชา 5 ทหารไทยโดนกับระเบิดขาขาด ย้ำปัญหาคลิปหลุดขยายผลกระทบ แนะต้องทำมากกว่าแค่ประณาม
ข่าวที่น่าสนใจ
13 ส.ค. 2568 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ กรณีที่ล่าสุดทหารพรานร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดขาซ้ายขาดเป็นรายที่ 5 ขณะลาดตะเวนที่ปราสาทตาเมือนธมวานนี้ ว่า ตอนนี้ทหารไทยเหยียบกับระเบิด 5 คนแล้ว มาตรการที่นอกเหนือจากการที่รัฐบาลประณาม ตนมองว่าสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์วานนี้ ต้องตั้งคำถามว่าทหารของเราอาจจะเหยียบกับระเบิดซ้ำอีก ซึ่งเขาวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด โอกาสเก็บซ้ำอีกต้องมีอยู่แล้ว ทั้งนี้มาตรการตอบโต้จะต้องมี 2 ระดับ เช่น ระดับของรัฐบาลยังจำเป็นต้องประณาม และประจาน โดยจะต้องไปในทิศทางที่มีพลังและมีน้ำหนัก คือการส่งเสียงไปที่ประธานอาเซียน ที่มาเป็นพยานที่ได้อำนวยความสะดวก ให้เกิดการประชุม GBC ที่ผ่านมา และผู้สังเกตการณ์ที่มีอำนาจอย่าง จีน และสหรัฐฯ
เราต้องสื่อสารให้คนกลุ่มนี้เข้าใจว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับไทย เพื่อให้คณะผู้สังเกตการเหล่านี้ไปกดดันกัมพูชา และต้องสื่อสารไปยังกลุ่มประชาคมอาเซียน และต่อไปสื่อไปคือการสื่อไปที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC รวมถึงองค์การสหประชาชาติเอง ทั้งนี้การสื่อสารดังกล่าว เพื่อให้เกิดพลังมีน้ำหนักของการรับรู้นั้น คือการสื่อไปยังสื่อมวลชนที่เป็นสากลอย่าง ระดับสำนักข่าวอัลจาซีรา BBC หรือ CNN เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องประจานและประณาม ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายการทูต หรือ ฝ่ายรัฐบาลนั่นเอง ส่วนฝ่ายทหารนั้นจะต้องมีปฏิบัติการทางทหาร พูดง่ายๆ ว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิด เราจำเป็นต้องไปเก็บกู้ แต่ทั้งนี้จะต้องสื่อให้กัมพูชารู้ก่อนว่า ทุ่นระเบิดที่ทางทหารเก็บกู้นั้นเกิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยก็จะเก็บกู้
พลโทภราดร กล่าวว่า มาตรการเก็บกู้ในเชิงลับของไทยนั้น คือการเราต้องนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ เข้าไปเก็บกู้ แต่อาจจะติดปัญหาเรื่องภูมิประเทศ ที่ทำให้เข้าไปดำเนินการค่อนข้างลำบาก ซึ่งทำให้ปัจจุบันทำให้เราต้องใช้กำลังคนเข้าไปเก็บกู้ลาดตะเวน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิดรายวัน และอีกวิธีหนึ่งคือการทำลายทุ่นระเบิด ด้วยการระเบิดทำลายทุ่นระเบิดอีกครั้งหนึ่ง เราสามารถสื่อสารให้ทหารกัมพูชาในพื้นที่ได้ แต่ต้องส่งสัญญาณไปบอกก่อน เช่น หากมีเสียงระเบิดดังขึ้นไม่ใช่การยิงจู่โจมรุกราน แต่เป็นการทำลายทุ่นระเบิดที่กัมพูชาลอบวางไว้ และไม่ยอมรับ เพื่อป้องกันกัมพูชากล่าวหาว่าไทยไปรุกราน
พลโทภราดร ย้ำว่า ส่วนมาตรการเชิงรุกคือการทะลุช่องวางแนวระเบิด เพื่อไปเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม และมีการปฏิบัติการพิเศษ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามถอยออกไป หลังจากนั้นค่อยมาวางแนวรั้วลวดหนามให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้กัมพูชาเข้ามาบุกรุกอีก แต่มาตรการเชิงรุกนี้อาจรวมไปถึงว่า หากกัมพูชายังคงปฏิบัติการอยู่ในที่ของไทย เรามีสิทธิ์ป้องกันตนเองโดยชอบธรรม เช่น การมุ่งทำลายคลังทุ่นระเบิดที่อยู่ในกัมพูชาได้เลย ซึ่งเป็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้น และจำเป็นต้องทำสองมาตรการ คือฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหาร
เมื่อถามว่า หากเจรจากันไม่รู้เรื่อง อีกทั้งชาวโซเชียลได้กล่าวในเชิงว่า ให้เปิดฉากรบกันอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้สามารถทำได้หรือไม่ หรือผิดกฎหมายอะไรหรือไม่ พลโทภราดร กล่าวว่า ในเรื่องสิทธิไทยสามารถป้องกันตนเองได้เลย ตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างการสู้รบ สิ่งที่เราทำอยู่คือการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในการป้องกันตนเอง ซึ่งการป้องกันตนเองมีหลักเกณฑ์ว่า ต้องทำให้มีความเป็นสัดส่วน ขณะเดียวกันได้ทำลายเป้าหมายทางการทหาร ดังนั้นไทยต้องยึดการปฏิบัติตามสัดส่วน และยึดตามหลักการจัดการเป้าหมายทางการทหาร เราทำได้และทำได้ตั้งแต่การสู้รบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้เราทำได้เพราะการที่เขาวางทุ่นระเบิด ประกับการเจรจา GBC ล่าสุดนั้นได้ระบุไว้แล้วว่า ต้องหยุดยิง และเคร่งครัดในการใช้อาวุธทุกประเภท แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดขึ้นมา ซึ่งทุ่นระเบิดคืออาวุธแสดงให้เห็นว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงในการเจรจาระหว่างกัน เรามีสิทธิ์ชอบธรรมในการปฏิบัติการทั้งรับและรุก ขณะเดียวกันหากกัมพูชาตอบโต้ไทยขณะที่กำลังกู้ทุ่นระเบิดอยู่นั้น ไทยสามารถเปิดฉากยิงกัมพูชาได้ แต่หากเรายิงกัมพูชาก่อน เราต้องมั่นใจได้ว่า เขารุกคืบกำลังเข้ามา เพื่อรุกรานเราดังนั้นเราจึงสามารถยิงได้เลย
พลโทภราดร กล่าวถึงประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่อยู่ในพื้นที่ของไทย ที่หลายคนตั้งคำถามว่า จำเป็นต้องแจ้งกัมพูชาก่อนหรือไม่นั้น ตนมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น การวางทุ่นระเบิดนั้น เราคาดการณ์ว่าเกิดจากการสู้รบที่ผ่านมา ฝ่ายเขาต้องถอยร่น และระหว่างถอนตัวเขาได้วางทุ่นระเบิดไว้ และเมื่อกัมพูชาถอนตัวออกไป ขณะเดียวกันยังอยู่ในขั้นที่กัมพูชามาตรวจการฝ่ายไทยอยู่ จริงๆ แล้วการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเราไม่ต้องแจ้งเขาก็ได้ แต่ทั้งนี้เราต้องระมัดระวังในขณะที่ดำเนินการอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารกัมพูชาโจมตีเรา ดังนั้นวิธีปฏิบัติที่ปลอดภัย เราต้องแจ้งหรือส่งสัญญาณให้กัมพูชารู้ก่อนว่า เราจะเก็บกู้ทุ่นระเบิด หรือระเบิดแนวทุ่นระเบิดนี้ เพื่อไม่ให้เขมรกล่าวหาเราว่าไปรุกราน ส่วนมาตรการอย่างอื่นสามารถดำเนินการต่อไปได้ พร้อมกับความระมัดระวังตัวเอง
พลโท ภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเด็นที่หลายคนมองว่า ปัจจุบันกองทัพกับรัฐบาล เกิดความไม่ไว้วางใจกัน โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารของรัฐบาลที่ล่าช้า จนเป็นสาเหตุทำให้เขมรไปฟ้องเวทีโลก และกลับมากล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานก่อนนั้น สาเหตุสำคัญหรือรากของปัญหานี้ เกิดจากคลิปหลุดนายกฯ แพทองธาร คุยกับฮุนเซนนั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น