“นิด้าโพล” คนไทย 75.73% ไว้ใจกองทัพปกป้องผลประโยชน์ชาติ เกินครึ่งไม่พอใจรัฐบาลแก้ขัดแย้งไทย-เขมร
ข่าวที่น่าสนใจ
10 ส.ค.2568 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่าง ๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
1. กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ
ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
2. กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 33.28 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 19.23 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
3. รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 29.01 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.66 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.30 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
1. กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.42 ระบุว่า พอใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.85 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ
ร้อยละ 3.36 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
2. กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 40.31 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 33.66 ระบุว่า
ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 4.81 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 0.84 ระบุว่า
ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
3. รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 54.43 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 27.40 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ
ร้อยละ 13.75 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 4.27 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 41.98 ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง
รองลงมา ร้อยละ 27.63 ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี
ร้อยละ 27.10 ระบุว่า เปลี่ยนรัฐบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ร้อยละ 23.97 ระบุว่า เพิ่มกำลังทางทหารชายแดน เพื่อป้องกันประเทศ
ร้อยละ 21.30 ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามกัมพูชาผ่านกลไกระหว่างประเทศ
ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไปต่อแบบไหนก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา
ร้อยละ 19.62 ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลางในการเจรจาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ร้อยละ 16.49 ระบุว่า รบต่อจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ
ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไปต่อแบบไหนก็ได้ แต่ขอเพียงแค่ไม่มีการสู้รบกัน
ร้อยละ 5.19 ระบุว่า ใช้กลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา
ร้อยละ 2.90 ระบุว่า เปิดด่านทั้งหมดเพื่อให้เศรษฐกิจชายแดนเข้าสู่ภาวะปกติ
ร้อยละ 2.67 ระบุว่า แทรกแซงการเมืองภายในประเทศกัมพูชาเพื่อล้มอำนาจ ฮุน เซน และรัฐบาล ฮุน มาเนต
ร้อยละ 2.21 ระบุว่า สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันอย่างเต็มที่ ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการปฏิบัติของโรงพยาบาลในการรับผู้ป่วยชาวกัมพูชา เพื่อการรักษาพยาบาล พบว่า ตัวอย่าง
ร้อยละ 51.37 ระบุว่า ไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในไทยและขอข้ามแดนมาเพื่อการรักษาพยาบาล
รองลงมา ร้อยละ 35.81 ระบุว่า ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในไทยเท่านั้น
ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในไทยหรือขอข้ามแดนมาเพื่อการรักษาพยาบาล
และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น