ปปง. ดำเนินการ ยึดทรัพย์ ‘หมอบุญ-ดิไอคอนฯ’ รวม 812 ล้าน  ชดใช้คืนผู้เสียหาย 33 คดี  มูลค่ากว่า 522 ล้าน

ปปง.ยึดทรัพย์คดี ‘หมอบุญ-ดิไอคอนฯ’ รวม 812 ล้านบาท พร้อมสรุปกรณีที่ต้องส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) อีก 33 คดี รวมมูลค่า 512 ล้านบาท

ปปง. ดำเนินการ ยึดทรัพย์ ‘หมอบุญ-ดิไอคอนฯ’ รวม 812 ล้าน  ชดใช้คืนผู้เสียหาย 33 คดี  มูลค่ากว่า 522 ล้าน – Top News รายงาน

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 8/2568 และครั้งที่ 9/2568 ซึ่งมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ดำเนินการกับทรัพย์สินในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน การฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น สรุปผลการดำเนินการที่น่าสนใจ ดังนี้

1. ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 53 รายคดี ทรัพย์สิน 1,515 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 1,271 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินในคดีสำคัญเกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร การฉ้อโกงประชาชนหรือการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ราย 6 คดีสำคัญ ดังนี้

รายคดี นายศุภกรฯ กับพวก กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร สืบเนื่องจากการจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางร้านค้าออนไลน์ และมีการขยายผลตรวจสอบขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวนมากซุกซ่อนในโกดัง และตรวจสอบเส้นทางการเงินพบบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 6 รายการ (เช่น ยานพาหนะ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท (คำสั่ง ย.170/2568)

รายคดี นายปวันฯ กับพวก พฤติการณ์ความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร กรณีการขนเงินสดผ่านแดน เชื่อมโยงทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติด และการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการลักลอบขนเงินสดจากประเทศกัมพูชา นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยฝ่าฝืนหรือมิได้แจ้งรายการผ่านทางด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 6 รายการ (เช่น เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท (คำสั่ง ย.166/2568)

รายคดี นายบุญฯ กับพวก (หมอบุญ) กรณีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนฯ ความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระพฤติการณ์จากการอาศัยความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับกิจการโรงพยาบาล นำเสนอแผนการระดมเงินทุน มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูง โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 370 รายการ (เช่น เงินสด ที่ดิน หุ้น ยานพาหนะ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 362 ล้านบาท (คำสั่ง ย.159/2568)

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รายคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก คณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวแล้วรวม 5 คำสั่ง รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการ 165 รายการ ราคาประเมินประมาณ 450 ล้านบาท และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าว รวม 2 สำนวนคดี ตามคดีหมายเลขดำที่ ฟ.3/2568 และหมายเลขดำที่ ฟ.54/2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลแพ่ง โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 207 รายการ (เช่น รถยนต์ เงินสด สินค้าแบรนด์เนม อาวุธปืน ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ) มูลค่าประมาณ 171 ล้านบาท (ย.122/2568) ทั้งนี้ ในการประชุม ครั้งที่ 9/2568 คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดทรัพย์สิน (เพิ่มเติม) จำนวน 26 รายการ (อสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 568 ล้านบาท (คำสั่ง ย.185/2568)

 

เมื่อนำคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของคณะกรรมการธุรกรรมของทั้ง 2 คดี จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 812 ล้านบาท

รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (รายนายพิทยาฯ) กับพวก ในการนี้มีการยึดและอายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 2 ครั้ง (คำสั่ง ย.7/2568 และ ย.127/2568) รวมทรัพย์สินที่ดำเนินการไปแล้ว 783 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 189 ล้านบาท ในการนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 89 รายการ (เช่น ห้องชุด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 26 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 139/2568)

รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (รายนายบัญฑิตฯ) กับพวก โดยชักชวนให้มีการเล่นการพนันโดยติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน ไลน์ ชื่อบัญชี ร้าน เปา เปา ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 166 รายการ (เช่น เงินสด สินค้าแบรนด์เนม เครื่องประดับ วัตถุมงคล และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท (มีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ระหว่างการประเมินราคา) (คำสั่ง ย. 148/2568)

2. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 21 รายคดี ทรัพย์สินกว่า 979 รายการ มูลค่าประมาณ 821 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ ดังนี้

รายคดี นายธัณย์ศรุตฯ กับพวก อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 210 รายการ (เช่น เงินสด ทองรูปพรรณ รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม วัตถุมงคล และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท (คำสั่ง ย.114/2568)

รายคดี นางชยาวรรณฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีการแอบอ้างให้สมัครเป็นสมาชิกของมูลนิธิต่างๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการหลอกลวงว่าสามารถติดต่อขอรับงานประมูลหรือโครงการขนาดใหญ่ขององค์กรต่างๆ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 40 รายการ (เช่น ที่ดิน สินค้าแบรนด์เนม และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) มูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท (ย.118/2568)

รายคดี กลุ่มบุคคลผู้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รายนายพิทยาฯ กับพวก ซึ่งกรณีดังกล่าวมีทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ในการพิจารณาครั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (เพิ่มเติม) จำนวน 41 (อสังหาริมทรัพย์) มูลค่าประมาณ 89 ล้านบาท (คำสั่ง ย.127/2568)

 

 

3. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) จำนวน 33 รายคดี ทรัพย์สินกว่า 537 รายการ มูลค่าประมาณ 522 ล้านบาท ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ

รายคดี นายชัยณรงค์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การปลอมเอกสารสิทธิฯ การลักทรัพย์และการฉ้อโกงฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีการยักยอกทรัพย์วัดเครือวัลย์วรวิหาร ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 16 รายการ มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท (คำสั่ง ย.59/2568)

รายคดี น.ส.เจียน หยวน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานฟอกเงิน กรณีการหลอกลวงชักชวนร่วมลงทุน ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 42 รายการ มูลค่าประมาณ 27 ล้านบาท (คำสั่งย.168/2567)

รายคดี บริษัท เคทูเอ็นฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนและการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 38 รายการ มูลค่าประมาณ 171 ล้านบาท (คำสั่ง ย.29/2568 และ ย.32/2568)

รายคดี น.ส.สุนิสาฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักทรัพย์ และการยักยอกฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 120 รายการมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท (คำสั่ง ย.251/2567 ย.2/2568 และ ย.112/2568)

รายคดี นายภานุวัชรฯ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งนำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (กรณีคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) โดยดำเนินการกับทรัพย์สิน 22 รายการ มูลค่าประมาณ 81 ล้านบาท (คำสั่งย.244/2567)

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วันแรกสมัคร สส.พัทลุงคึกคัก กองเชียร์แน่น ภาคพลเมืองรณรงค์สุจริต
"บิ๊กเล็ก" แจง 3 เงื่อนไขหยุดยิง เปิดโอกาสใช้สันติวิธีผ่านเวทีการทูต ปืนใหญ่ไทยทิ้งทวน ถล่มกาสิโน "อุดรมีชัย" หนักหน่วง
“เดชอิศม์” ชี้ครอบครัวขาวทอง ยึดประชาธิปไตย แม้ลูกต่างพรรค
กกต.ภูเก็ตเปิดรับสมัคร สส. วันแรก
สมัคร สส.ชลบุรี วันแรกคึกคัก พรรคใหญ่ส่งครบทุกเขต กองเชียร์แน่น
เบตงคึกคักรับปีใหม่ นักท่องเที่ยวไทย–มาเลย์ แห่เช็คอิน Betong Night Light 2026

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​