‘บิ๊กเต่า’ จ่อเรียกสอบ ‘พระเลขา-ไวยาวัจกร’ วัดม่วง พบเจ้าอาวาสคุมเงินเบ็ดเสร็จ

รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ตรวจสอบพระ พบปมซื้อขายตำแหน่ง อยู่ระหว่างสอบ ด้านวัดม่วงพบเจ้าอาวาสคุมเงินเบ็ดเสร็จ เตรียมเรียกพระเลขา และไวยาวัจกรสอบ

‘บิ๊กเต่า’ จ่อเรียกสอบ ‘พระเลขา-ไวยาวัจกร’ วัดม่วง พบเจ้าอาวาสคุมเงินเบ็ดเสร็จ – Top News รายงาน

บิ๊กเต่า

 

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีวัดม่วงว่า เบื้องต้นแยกออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนของพื้นที่ สน.เพชรเกษม จะตรวจสอบเรื่องให้การเท็จ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้อง 2 ราย เป็นทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรทางตำรวจพื้นที่จะเป็นผู้ดำเนินการ

ในส่วนของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีของวัด โดยพบว่าเจ้าอาวาสบริหารเงินโดยรวม อำนาจเงินเข้าไปที่เจ้าอาวาสทั้งหมด มีการทำรายจ่ายประจำปี โดยมีพระเลขาเป็นผู้รวบรวม ซึ่งขณะนี้พระเลขากำลังเรียนอยู่ ตำรวจอยู่ระหว่างติดต่อให้เร่งเข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีการร่วมทุจริตด้วยหรือไม่ ตำรวจอยากได้ความร่วมมือ เพราะจะเอาผิดเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นจะสอบไว้เป็นพยาน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากการตรวจสอบบัญชีของวัดจาก 9 บัญชี ตำรวจได้มาแล้ว 8 บัญชี ยังเหลืออีก 1 บัญชี เป็นเงินบริจาคของวัดที่ยังไม่ได้รับมาตรวจสอบ และพบว่ามีบัญชีของเจ้าอาวาสอีกจำนวน 2 บัญชี ซึ่งวัดแห่งนี้มีไวยาวัจกร 2 คน โดยคนแรกได้สอบปากคำไว้แล้ว อีกคนอ้างว่าอยู่ต่างจังหวัดตลอดเวลา

ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา มีการแจ้งเรื่องราวมาโดยตลอด รวมกว่า 200 เรื่อง ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับไว้ดำเนินการตรวจสอบจำนวน 30 เรื่อง ส่วนอีก 100 กว่าเรื่อง ได้ส่งให้ตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปตรวจสอบต่อ โดยในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีเรื่องร้องเรียนมากที่สุด

ส่วนพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 มีเรื่องร้องเรียนน้อยสุด 1-3 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการทุจริตเงิน และผู้หญิง หรือแม้กระทั่งสามีไปพบว่าโทรศัพท์ของภรรยา พูดคุยกับพระสงฆ์ บางเรื่องมีพยานหลักฐานที่สามารถสืบสวนสอบสวนไปต่อได้ บางเรื่องยังไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน จะต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบต่อ ยืนยันหากมีพยานหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการ

 

อย่างไรก็ตาม พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ยอมรับว่า มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งเข้ามาผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา จริง ส่วนประเด็นการซื้อรถหรูให้นั้น ยังไม่มีข้อมูล  ส่วนการซื้อขายตำแหน่ง จากการตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินให้วัดแต่ละวัด ครั้งละหลักแสน ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นเงินทำบุญ หรือเงินบริจาค จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัย หรือผิดสังเกตที่มีการทำบุญกันตลอด

โดยเฉพาะกรณีของ “สมีแย้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งเงินที่ได้จากวัดมีมากมายมหาศาล จึงไม่จำเป็นจะต้องไปขอจากวัดอื่น และเหตุใดจึงต้องไปขอเงินจากวัดอื่น โดยพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาในบัญชีของสมีแย้มครั้งละ 1-5 แสนบาท ที่เป็นบัญชีระหว่างวัดโอนมาให้กัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบวัดต่าง ๆ ว่ามีการเลื่อนยศตำแหน่งจริงหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โฆษกทบ.ยันข่าว กองทัพเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา เรื่องจริง เหตุผลเพราะ ทหารเขมรถอนอาวุธหนัก ไม่ขัดขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด
บช.ศ. เปิดเวที ‘บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย หมวกนิรภัยคือทางรอด’ ป้องเยาวชนไทย
ภูเก็ตบูรณาการเข้ม จับชาวต่างชาติป่วนเมือง ติดสติกเกอร์โฆษณาสิ่งเสพติด
รพ.ตำรวจ เชิญร่วมงาน “สานต่อความสำเร็จ ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ครบ 200 ราย”
คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ มอบกรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศฯ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2569
ภูเก็ตเดินหน้าพัฒนา “สนามบินระยะที่ 2” เพิ่มศักยภาพรองรับผู้โดยสารทะลุ 18 ล้านคนต่อปี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​