“ทักษิณ” ซัด “ฮุนเซน” บ้าคนเดียวก่อสงครามไทย-กัมพูชา ยันขัดแย้งชายแดน ไม่ใช่เรื่องของสองตระกูล

“ทักษิณ” ซัด “ฮุนเซน” บ้าคนเดียวก่อสงครามไทย-กัมพูชา ยันขัดแย้งชายแดน ไม่ใช่เรื่องของสองตระกูล

ช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการลงพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี เพื่อให้กำลังใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ว่า วันนี้จะลงไปดูว่า เขาเป็นอยู่อย่างไรบ้างเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน

ส่วนเหตุการณ์สู้รบครั้งนี้ที่ทำให้สูญเสียกำลังพล และประชาชน นายทักษิณ กล่าวว่า เมื่อมีการใช้อาวุธหนักก็ต้องมีการสูญเสีย แต่เขาต้องการปกป้องอธิปไตย ถือเป็นผู้ที่เสียสละ เราก็ต้องดูแลครอบครัว เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กัมพูชาใช้อาวุธโจมตี มายังบ้านเรือนประชาชนและโรงพยาบาล โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม นายทักษิณ ระบุว่า ใช้ไม่ได้ ไม่มีที่ไหนในโลก เขาทำกัน ถูกประณามจากทั่วโลก ของเราขนาดใช้ F-16 เรายังระวัง ใช้เฉพาะพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามว่าได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการสื่อสารไปยังต่างประเทศอย่างไร นายทักษิณ ยอมรับว่ามีหลายประเทศอยากเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย แต่เราถือว่าเป็นเรื่องของสองประเทศต้องคุยกัน หากว่าคุยกันไม่รู้เรื่องใครมาไกล่เกลี่ยก็เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะทำอะไรก็ทำ พร้อมกับระบุถึงสาเหตุเริ่มต้นเกิดจากการปลุกกระแสนิยมภายในประเทศของเขามากเกินไป แต่ภายหลังก็กระทบกับผลประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าได้ประเมินสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่าจะยืดเยื้อ ซึ่งที่ผ่านมาที่เขาบุกรุกอธิปไตยส่วนบริเวณจุดที่ปะทะ เคยเป็นพื้นที่ที่เราเคยครอบครองและเขารุกคืบมา เขาก็เลยถือโอกาสที่จะเอาพื้นที่ที่เราเคยยึดครองอยู่นั้นคืนมา และทหารของเราจึงมีการขยายแนว พร้อมระบุว่าถึงขนาดนี้แล้ว พื้นที่ที่เคยเป็นข้อพิพาท ถูกครอบครองไปก็ต้องเอาคืนมา เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาเปิดแนวรบมายังภาคตะวันออกฝั่งจังหวัดตราด นายทักษิณ กล่าวว่าฝั่งกัมพูชามีกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็เตรียมความพร้อมอยู่

 

ส่วนกรณีที่ได้โพสต์ข้อความว่า หลายประเทศห่วงสถานการณ์สู้รบเสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ยตนขอบคุณไปแต่ขอเวลาหน่อยปล่อยให้ทหารไทยทำหน้าที่สั่งสอนเล่ห์เหลี่ยม ฮุน เซน ก่อนจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยนายทักษิณ ชี้แจงว่าคือวันนี้คนไม่เข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจภาพรวมจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากเขาบ้าอยู่คนเดียว นั่งอยู่กับโซเชียลทั้งวันเป็นซอมบี้ แล้วก็หงุดหงิดมาหาเรื่อง ทั้งที่เราไม่มีอะไรเลย ตนก็ยังคิดไม่ถึงว่าอยู่อยู่เกิดเหตุการณ์นี้ได้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ไม่มีเลย ไม่ได้เกี่ยวเลย ตนไม่เคยมีความขัดแย้ง เขาเป็นคนที่เริ่มต้นด้วยความระแวง และสร้างกระแสชาตินิยมภายในประเทศให้มากขึ้น

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงคนไทยที่มองว่าการสู้รบที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาของคนสองตระกูล นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่จริงไม่ได้เป็นความขัดแย้งของสองตระกูลเลย ไม่มีความขัดแย้งใดใดทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่า เขาไม่พอใจประเทศเรา

นายกทักษิณ กล่าวว่า “ เอาอย่างนี้ดีกว่าเริ่มต้นตั้งแต่ ตนจำวันที่ไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งวันศุกร์ เขาเคลื่อนกำลังมาที่ชายแดนเรา 12,000คน ตนก็เลยโมโหโทรไปต่อว่า ทำไมทำอย่างนี้ ในเมื่อลูกเราเป็นผู้นำสองประเทศเราจะทำสงครามกันหรือ เค้าก็ถามว่าจะทำอย่างไร ตนจึงบอกว่าต้องเปิดการเจรจา เราคุยกันแบบเพื่อนบ้าน ในที่สุดเขาก็เปิดให้มีการพูดคุยกันตั้งแต่ระดับชายแดน จนถึงเจบีซี วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่เขาถอนกำลัง โดยที่ไม่บอกกล่าว อยู่อยู่ก็ถอนเลย

ทีนี้ทหารไทยเราประชุมกันเรียบร้อยแล้วว่าจะปิดด่าน เป็นมาตรการไม่ได้รุนแรง แต่บังเอิญว่าสั่งการเมื่อวันศุกร์ พอวันอาทิตย์เค้าถอนกำลัง เพราะฉะนั้นคำสั่งออกไปแล้ววันจันทร์ก็เลยมีการปิดด่าน เขาก็เลยมีความรู้สึกว่าทำไมเขาถอนกำลังแล้วจึงยังปิดด่าน จึงโกรธและพูดจา ไม่ดีนายกฯเราก็เลยใช้คำว่า ไม่โปรเฟสชั่นแนล เขาก็เลยวางแผนอัดเทปตรงนั้นแหละคือปัญหา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราไปสร้างปัญหา แต่เป็นเพราะว่าเขาระแวง เขาต้องการทำในสิ่งที่วางแผนไว้ เพราะเวลาปิดด่านไปขัดผลประโยชน์ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นผลประโยชน์ที่คนไทยต้องปกป้อง จำได้หรือไม่ตนพูดเรื่องตึก 25 ชั้น ตอนหลังมาจึงรู้ว่าคนเหล่านั้นคือคนใกล้ชิดกับเขา ซึ่งก็โดนออกหมายจับที่ประเทศไทย”

นายทักษิณ ยังยืนยันว่า เดิมไม่เคยมีความขัดแย้งใดใด ตนยังคิดว่าเป็นเรื่องอารมณ์ส่วนตัว วันนี้เชื่อว่าทั้งประเทศเขาก็หงุดหงิดกัน ไม่มีใครพูดกับเขาได้ แต่ของเราใช้ทหาร ทำงานแบบมืออาชีพ ที่ตนพูดอย่างนั้นเพราะยุทธการทหารต้องเดิน อย่าไปห้ามเขา และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการแทรกแซงทหาร ปล่อยให้เขาทำงานในแนวที่คิดว่าเป็นยุทธการที่ถูกต้อง ก็ทำไปเราก็มีหน้าที่สนับสนุนเรื่องส่งกำลังบำรุงรัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุน และไม่ได้หยุดยั้งอะไรเขา ขนาดมีคนมาขอให้หยุดยิง เราก็ยังถือว่ายุทธการทหารของเรายังไม่เสร็จสิ้น จะไปเบรคทหารเขาอย่างไร ก็ให้เขาทำไปให้เสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าใครเป็นคนขอให้หยุดยิง นายทักษิณยอมรับว่ามีหลายประเทศ

 

 

นายทักษิณ ยังระบุถึง ชาติมหาอำนาจอย่างจีน ได้ร้องขอการร้องขอจากทางฝ่ายตรงข้ามเรามากกว่ามาคุยกับเรา แต่เราคิดว่าอะไรควรหรือไม่ควร ก็ไปตกลงกันที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ไม่ใช่ตน พร้อมปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ผู้ที่ไปล็อบบี้ การเจรจาหยุดยิงเพื่อสันติภาพ และย้ำว่าไม่เป็นความจริง วันนี้จะทำอะไรต้องถามยุทธการทหารก่อน เพราะต้องไปประชุมกันที่ สมช. ว่ายุทธการทหารจะเป็นอย่างไร และรัฐบาลการต่างประเทศควรเข้ามาตอนไหน เราไม่ได้เข้าซี้ซั้ว เราต้องเข้ามาในจังหวะที่เหมาะสม

เมื่อถามถึงศักยภาพยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย นายทักษิณยอมรับว่า ศักยภาพเราตนว่าไม่น้อยหน้า เราก็ดีอยู่ เพียงแต่ว่าเรา เป็นขั้นเป็นตอน อย่างวันพรุ่งนี้จะมีโดรน ตนสั่งโดนมา ออกเงินส่วนตัวไป และโดรนสามารถลาดตระเวนเข้าไปมองที่พื้นเห็นหมดว่ามีกับระเบิดอยู่ตรงจุดใดบ้างโดยจะพล็อตแผนที่กับระเบิดซึ่งคาดว่าน่าจะส่งมาในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุด และผู้เชี่ยวชาญจะมาช่วยกันดูว่า เราจะเห็น เพราะต้องป้องกันชีวิตคนทหารของเรา เพราะทหารของเราขาหักไปแล้วสองนาย

 

นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ยังคงตึงเครียด ว่า ตนได้คุยกับทหารแล้ว ให้เขาเดินตามยุทธการ เมื่อจบยุทธการแล้ว เขาอยากจะคุยก็ให้คุย ถ้ายังไม่จบยุทธการก็ขอให้จบยุทธการก่อน

 

ส่วนกรณีที่กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ยื่นต่อ UNSC ไปแล้วนั้น ไม่เป็นไรเพราะเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในเมื่อไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกเราก็จะไม่ขึ้นศาลโลก แต่ UNSC จะได้รับการร้องขอถ้าหากว่าใครเป็นฝ่ายรุกรานก่อน แต่ครั้งนี้เราใช้ความอดทน อดกลั้น แม้ว่าประชาชนจะรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมไทยถึงใจเย็น ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าแผนเขา และในที่สุดกัมพูชาก็ยิงเข้ามาที่เราก่อน เรามีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ เราไม่เข้าเงื่อนไขว่าเป็นการรุกราน เมื่อไม่เข้ากฎหมายข้อนี้แล้ว UNSC ก็ไม่สามารถนำเราขึ้นศาลโลกได้ รวมถึงจะไม่มีการแทรกแซง เพียงแต่อยากให้มีการยุติปัญหาโดยเร็ว ซึ่งประเทศไทยก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าอยากจะมีเรื่อง เพียงแต่กัมพูชาหาเรื่องเราก็ว่าไปตามกติกา หากจะคุยกันเพื่อจะจบก็ต้องทำให้เห็นว่าเราจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน อยู่ด้วยความไว้ใจต่อกัน ถ้าได้ก็หยุด ถ้าไม่ได้จะต้องทำยังไงก็ให้ทำไป

ส่วนไทยที่เรียกร้องให้กัมพูชากลับมาอยู่บนโต๊ะเจรจา นายทักษิณ กล่าวว่า กัมพูชาพยายามหลีกเลี่ยงและพยายามที่จะสร้างให้ตัวเองได้เปรียบด้วยความพยายามขึ้นศาลโลก ซึ่งก็ทราบว่าประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และในโลกนี้มีเพียงแค่ 70 ประเทศจาก 190 ประเทศที่ยอมรับ ไม่ใช่ว่าประเทศไทยเป็นส่วนน้อย เราเป็นส่วนใหญ่ที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ดังนั้นเมื่อไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกแล้วเขาจะเอาเราเข้าศาลโลกก็ไม่ได้ และการรุกรานนั้นก็ไม่ใช่ไทยเพราะไทยอดทนอดกลั้น แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเราก็ทำของเราดีที่สุด ส่วนเงื่อนไขให้กัมพูชาหยุดยิงก่อนและจะเริ่มเจรจา นายทักษิณบอกว่าเป็นเงื่อนไขปลีกย่อยทางการทหารที่อยุ่ในพื้นที่ย่อมรู้ดี ซึ่งตนมองว่าหากมียุทธการอะไรก็ให้ทำไปก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน

สำหรับนายอันวาร์ ประธานอาเซียน ที่ยื่นข้อเสนอเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา นายทักษิณอธิบายว่า ที่จริงแล้วปัญหาเกิดจากความขัดแย้งจากสองประเทศที่เราสามารถคุยกันเองก็ได้ถ้าหากกัมพูชาอยากคุย ซึ่งจะคุยผ่านใครค่อยว่ากันอีกที แต่วันนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งทั้งสองประเทศที่จะคุยกันก็ได้ ส่วนในฐานะประธานที่ปรึกษาอาเซียนจะมีวิธีแก้ภาพลักษณ์ประเทศไทยอย่างไรกรณีต่างขาตินำเสนอข่าวว่าไทยเป็นฝ่ายรังแก นายทักษิณตอบว่าตอนนี้ไม่มีความคิดนั้น เขายิงเข้ามาก่อนและยิงเข้ามาในที่ของประชาชนและเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด ทั่วโลกได้ประณามแล้ว ย้ำว่าไทยโจมตีเฉพาะพื้นที่ทหารเท่านั้น ส่วนการสื่อสารที่ของรัฐบาลที่ผ่านมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล่าช้ากว่ากัมพูชา นายทักษิณระบุว่าตอนนี้เราสื่อสารไปเยอะพอสมควร แต่กัมพูชาใช้หลักวิธีโกหกไปเรื่อย ๆ และให้คนในประเทศตัวเองเข้าใจว่าตนเองเก่งแต่ที่จริงแล้วเป็นการโกหก

 

 

ส่วนกรณีผู้เสียชีวิตทั้งพลเรือนและทหาร นายทักษิณ กล่าวว่ารัฐบาลได้ประชุมและมีมติใหค่าชดเชยสำหรับผู้เสียชีวิตคนละ 1 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 7 แสนบาท ซึ่งรัฐบาลลพยายามจะดูแลและมั่นใจว่าครอบครัวของพวกเราสามารถอยู่ต่อกันไปได้

การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างสองประเทศเกิดจากความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล นายทักษิณระบุว่า ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีทางเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นสถานการณ์ของทั้งสองประเทศ ไม่มีความขัดแย้งระหว่างครอบครัว เป็นเรื่องของนายฮุนเซนที่ไม่สามารถควบคุมและบริหารงานได้ พร้อมยกตัวอย่างในช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มีการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จนทำให้ตนมีคำสั่งให้ตำรวจคอมมานโดไปรับตัวคนไทยออกมา

ส่วนที่มีหญิงชาวอุบลฯ เข้ามาต่อว่า นายทักษิณ ในวันนี้ว่าเป็นเพื่อนกับนายฮุนเซน แต่ทำไมปล่อยให้เขามาทำร้ายคนไทย นายทักษิณ ตอบว่า ตนขอเล่าว่าที่ผ่านมาตนเองได้โทรศัพท์ไปโวยวายว่าเมื่อลูกของเราเป็นนายกฯ ทั้งสองประเทศทำไมถึงยกกำลังมาประชิดชายแดนกัน ซึ่งได้หารือว่จะต้องทำอย่างไร โดยได้คำตอบว่าจะต้องเจรจากันจนเป็นที่มาของคลิปเสียงของนายกฯ จนเป็นที่มาของการพูดคุยในระดับทหาร ต่อมาทหารได้สั่งยุทธการได้ก่อนแล้วว่าวันจันทร์จะมีมาตรการปิดด่าน กัมพูชาก็ถอนกำลังกลับไป การปิดด่านก็เลยตามเลยไป จึงทำให้นายฮุนเซนไม่พอใจและพูดจาไม่ดีออกมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงโพสต์เฟซบุ๊กว่า Non Professional จึงเป็นที่มาของการแอบอัดเสียงสนทนาและปล่อยลงโซเชียล

 

 

นายทักษิณ ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัว ถ้าหากไม่พอใจกันจะต้องทำวิธีอื่น แต่ครั้งนี้เราถือว่าสถาบันชาติสำคัญที่สุด เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทีหลัง ซึ่งคุยกันได้และได้คุยกันไปแล้วแต่มันบ้าไปแล้วเลยไม่รู้จะคุยยังไง สุดท้ายนายทักษิณได้ยืนยันว่าอีกไม่นานสถานการณ์จะสงบ ซึ่งตนมั่นใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หยุดยิงไม่มีจริง "กองทัพไทย" เคลื่อนรถถัง VT-4 ประจันหน้าแล้ว หลัง "ทหารกัมพูชา" ระดมปืนใหญ่ จรวด BM-21 ใส่ชายแดนไทยไม่หยุด
“บิ๊กเล็ก” ประชุมด่วนศบ.ทก. ยันถ้าคุยกัมพูชา รัฐบาลต้องฟังเสียงปชช. ลั่นผู้นำเขมรไม่จริงใจ ปากยินดีหยุดยิง แต่สั่งปืนใหญ่ถล่มไทยต่อเนื่อง
เหิมหนัก "กัมพูชา" ละเมิดซ้ำ ยิงจรวด "BM 21" ถล่มใส่พลเรือนไทย บ้านพังยับ เคราะห์ร้าย "แม่พันธุ์วัว" ถูกสะเก็ดระเบิดตาย 6 ตัว
"โฆษกทบ." เคลียร์ชัด เจรจายาก "กัมพูชา" ไม่หยุดยิง BM-21 "วาสนา" ชี้เวทีพูดคุยต้องรอบคอบ ตกลงให้ชัด 3 ปราสาทของไทย มีทหารร่วมวงตัดสินใจ ให้ทันเล่ห์เหลี่ยมเขมร
"โฆษกกลาโหม" กัมพูชา ดื้อเถียง โดนใส่ร้าย ยิงปืนใหญ่ใส่ ส.ป.ป.ลาว ปัดทัพเขมรใช้ขีปนาวุธ PHL03 ถล่มบ้านเรือนคนไทย
"ภูมิธรรม" รับคุย "ทรัมป์" ขอบคุณห่วงใย ขอสหรัฐแจ้ง "ฮุน มาเนต" ไทยพร้อมเจรจาทวิภาคี แต่กัมพูชาต้องจริงใจ กำหนดขั้นตอนหยุดยิงชัดเจน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​