“ทูตไทยประจำ UN” แถลงประจานพฤติการณ์ “กัมพูชา” รุกล้ำอธิปไตย ละเมิดสนธิสัญญาฯ วางทุ่นระเบิดทำร้าย 2 ทหารขาขาด ซ้ำรัวอาวุธยิงใส่ก่อน ทำปชช.ผู้บริสุทธิ์ เจ็บ ตาย

"ทูตไทยประจำ UN" แถลงประจานพฤติการณ์ "กัมพูชา" รุกล้ำอธิปไตย ละเมิดสนธิสัญญาฯ วางทุ่นระเบิดทำร้าย 2 ทหารขาขาด ซ้ำรัวอาวุธยิงใส่ก่อน ทำปชช.ผู้บริสุทธิ์ เจ็บ ตาย

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุมคณะมนตรีความมั่นคง สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, นครนิวยอร์ก นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ กล่าว ในการประชุมส่วนตัวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ภายใต้หัวข้อ “ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” โดยสรุปว่า วันนี้จำเป็นต้องกล่าวถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด จากการที่กัมพูชารุกรานประเทศไทย

เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม กำลังพลทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดในระหว่างการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในเขตแดนของประเทศไทยเอง ผลก็คือ มีทหารสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนำไปสู่การทุพพลภาพถาวร ในขณะที่อีกสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หลักฐานยืนยันว่าเป็นกับระเบิดใหม่ เพราะในพื้นที่ดังกล่าวเคยปลอดระเบิดมาก่อน ประเทศไทยได้ทำลายกับระเบิดต่อต้านบุคลากรทั้งหมดแล้ว รวมถึงที่ถูกเก็บไว้เพื่อการวิจัยและฝึกอบรม ตั้งแต่ปี 2562

ในทางตรงกันข้าม จากรายงานความโปร่งใสของกัมพูชาเองเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว กัมพูชายังคงเก็บกับระเบิดประเภทนี้ไว้ นี่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กับระเบิดต่อต้านบุคคล หรือที่รู้จักกันในชื่ออนุสัญญาออตตาวา ซึ่งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นรัฐภาคี โดยขัดต่อเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ที่ลงนามในเดือนพฤศจิกายน 2567

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 08.20 น. กองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนใหญ่หนักเข้าใส่ฐานทัพไทยที่ตำบลตาโมกข์ จังหวัดสุรินทร์ หลังจากนั้นไม่นาน กองกำลังกัมพูชาก็เปิดฉากโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้าในพื้นที่ชายแดนไทยสี่จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีพลเรือนสี่รายเสียชีวิต และอีกสี่รายได้รับบาดเจ็บสาหัส โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมถึงโรงพยาบาลและโรงเรียน ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ในช่วงที่โจมตี มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย ซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤต ขออนุญาตให้ผมพูดซ้ำคำว่า “อย่ามองข้ามไป” เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน และพลเรือนถูกโจมตี ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งไปซื้อของชำ ได้เข้าไปในร้านขายของชำแห่งนี้ แม่และลูกสามคนไม่เคยออกมาอีกเลย อย่ามองข้ามไป ผู้คนกว่า 130,000 คนต้องอพยพออกจากบ้าน

การโจมตี และการใช้อาวุธ และไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าเหล่านี้โดยกองกำลังกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อมาตรา 2 วรรค 4 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งเราทราบดีว่าห้ามการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนหรือเอกราชทางการเมืองของรัฐ ซึ่งเป็นหลักการของความสัมพันธ์เพื่อนบ้านที่ดี การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความสามัคคีของอาเซียน

แม้จะมีความอดทนอย่างที่สุด ประเทศไทยก็ถูกบังคับให้ต้อง กระทำเพื่อป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรการทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีความพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายพลเรือน

ในฐานะประเทศที่รักสันติ ประเทศไทยปฏิเสธการใช้กำลังเป็นวิธีการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างเด็ดขาด โดยยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการระงับข้อพิพาทอย่างสันติ โดยสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีหลายประการ รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขความแตกต่างและป้องกันการยกระดับ แต่กัมพูชา จงใจบ่อนทำลายการเจรจาที่มีความหมาย และพยายามทำให้ปัญหาเป็นสากลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเอง เกี่ยวกับการกล่าวหาเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นบริเวณโดยรอบและโครงสร้างของปราสาทพระวิหาร

ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าประเทศไทยได้ใช้ในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และความจำเป็นทางทหาร การกระทำที่ตอบสนองทั้งหมดถูกจำกัดอย่างเคร่งครัดอีกครั้งที่เป้าหมายทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ไม่มีการยิง ระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา เกิดขึ้นใกล้ปราสาทพระวิหาร เป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่รอบภูมะเขือ ซึ่งห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 2 กิโลเมตร ตัวปราสาทเองอยู่นอกเส้นทางของปฏิบัติการทางทหารของไทย เป็นไปไม่ได้ที่กระสุนหรือสะเก็ดระเบิดจากการยิงปืนที่ภูมะเขือจะไปถึงหรือสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อปราสาทพระวิหาร

คำกล่าวที่กล่าวมาจึงไม่มีมูล ประเทศไทยเรียกร้องให้กัมพูชาละเว้นจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดซึ่งมีแรงจูงใจทางการเมือง ดังนั้น เราจึงหวังอย่างจริงใจว่ากัมพูชาจะกระทำด้วยความสุจริตและยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อประกันการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม และเรียกร้องให้กัมพูชา ยุติความเป็นปรปักษ์และการกระทำที่เป็นการรุกรานทั้งหมดทันที และ กลับสู่การเจรจาด้วยความสุจริต

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

GULF ระดมทีม "กัลฟ์อาสา" ร่วมแพ็คถุงยังชีพ 1,000 ชุด ส่งต่อกำลังใจและความช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
เปลี่ยนของดีชุมชนให้เป็นแบรนด์โลก CPOT เปิดเวทีเฟ้นหาสุดยอดผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
ททท.ตราด ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตราด ยืนยันท่องเที่ยวตราด และ 3 เกาะ ไม่มีผลกระทบ หลัง นทท.ยกเลิกห้องพักเพียบหวั่นเหตุปะทะ
"เครือซีพี" เคียงข้างชาวน่าน รวมพลังทุกกลุ่มธุรกิจเร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัยจาก "พายุวิภา" ส่งอาหาร-น้ำดื่ม-ถุงยังชีพ พร้อมหนุนสื่อสาร-ตั้งศูนย์ประสานงาน
"ผู้ว่าฯสงขลา" มอบบ้านโครงการบ้านห่วงใยจากใจ GLO ประจำปี 2568
"วธ." เร่งเตรียมพร้อมภารกิจพิธีการศพในพระบรมราชานุเคราะห์ และสนับสนุนภารกิจอื่นในพื้นที่ จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​