‘ศบ.ทก.’​ กำหนดมาตรการผ่อนผันแรงงานต่างด้าว เข้าทำงานไทย ย้ำส่งหนังสือถึงเลขาฯ UN แล้ว แจงข้อเท็จจริงปมเขมรฟ้องศาลโลก

“ศบ.ทก.” เผยมาตรการผ่อนผัน แรงงานต่างด้าวในไทย “ใบอนุญาต” หมดอายุอยู่ต่อได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม จนกว่าเปิดด่านปกติ ขณะที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ออกหนังสือถึงเลขาธิการ ชี้แจงข้อเท็จจริงและท่าทีโต้กัมพูชา หลังร่อนเจตจำนงส่งฟ้องศาลโลก

‘ศบ.ทก.’​ กำหนดมาตรการผ่อนผันแรงงานต่างด้าว เข้าทำงานไทย ย้ำส่งหนังสือถึงเลขาฯ UN แล้ว แจงข้อเท็จจริงปมเขมรฟ้องศาลโลก – Top News รายงาน

 

ศบ.ทก.

วันนี้ 7 ก.ค.68 เวลา 12.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)

พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวว่า การรายงานผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ครั้งที่ผ่านมา 4 ก.ค.68 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งที่ 6 โดยยืนยันว่า ทางสมช.มีมติมอบอำนาจให้ทางศบ.ทก.ดำเนินการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดตามแนวชายแดนให้คลี่คลายลง โดยศบ.ทก.มีอำนาจเต็มในเรื่องของการกำหนดมาตรการ รวมไปถึงการเพิ่มมาตรการทางสถานการณ์เลวร้าย หรือผ่อนคลายมาตรการทางสถานการณ์ดีขึ้น โดยเน้นย้ำในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร

ขณะเดียวกันที่ประชุมสมช. ยังมีการกล่าวถึง การแก้ไขอาชญากรรมข้ามชาติ ให้มีมาตรการกดดันที่เข้มงวดและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางศบ.ทก.มีขอบเขตหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนในลักษณะเฉพาะกิจ โดยในมิติของงานปกติยังคงเป็นการทำงาน ของหน่วยงานตามสายงานปกติ

พลเรือตรี สุรสันต์ ยังกล่าวถึงมาตรการการผ่านแดน หรือจุดผ่านเข้าออก ของประชาชนทั้งสองฝ่าย ที่ได้รับอนุญาตทั้งในกลุ่มประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่ ท้องถิ่นที่สามารถเดินทางผ่านเข้าออก เพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค หรือแม้กระทั่งกลุ่มเปราะบาง ที่จำเป็นทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ยังคงอนุญาตให้ดำเนินการผ่านเข้าออกได้เช่นกัน เช่นเดียวกับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เราคำนึงถึงความเสียหายหากทางนักเรียนไม่สามารถมาศึกษาในสถาบันของตัวเองได้ พร้อมกับการขนส่งเวชภัณฑ์ และผู้ป่วยที่ต้องเข้ามารับการรักษาพยาบาล ที่ต้องเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีตัวเลข ผ่อนปรนมาตรการผ่านเข้าออก โดยกลุ่มที่สามารถเดินทาง เข้ามาอย่างฝั่งกองกำลังบูรพา มีบุคคลเข้าราชอาณาจักร 212,766 คน กลุ่มประชาชนเดินทางออกจากราชอาณาจักร 206,100 คน ฝั่งกองกำลังสุรนารีมีการเข้าออก 2,454 คน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนกรณีที่ทาง ศบ.ทก.พยายามจะมีมาตรการในการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ จากการนำเข้าแรงงานต่างด้าว ยืนยันว่า ศบ.ทก.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการประชุมหารือแนวทางในการผ่อนปรน โดยบูรณาการหารือ กับผู้แทนกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย โดยได้มีการรายงานความคืบหน้าที่ผ่านมา 4 กรกฎาคม กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางาน จัดการประชุมบริหารจัดการของคนต่างด้าว ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาการแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น กับคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามมาตรา 64 ส่วนกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาผ่อนผันแรงงานต่างด้าว ที่มีใบอนุญาตแต่หมดอายุ และอยู่ในประเทศไทยอยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษโดย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ จนกว่าด่านชายแดนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และภายหลังที่ดังเปิดเป็นปกติให้คนต่างด้าวเหล่านั้น เดินทางออกนอกราชอาณาจักรภายใน 14 วัน

ขณะที่กระทรวงแรงงานจะออกมาตรการ ให้คนต่างด้าวสามารถยื่นคำขออนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารและหลักฐานการทำงานต่อในทะเบียนอนุญาต โดยสามารถทำงานได้ครั้งละ 90 วัน และต้องต่อใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนต่างด้าวที่มีงานทำอยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนนายจ้างและเพิ่มนายจ้างได้ 3 รายตลอดระยะเวลาในพื้นที่จังหวัดที่คนต่างด้าวนั้นได้รับอนุญาตทำงาน

จากผลการประชุมของคณะทำงานที่ผ่านมา กรมการจัดหางานจะนำผลการประชุมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ในวันที่ 8 กรกฎาคม หรือวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาในโอกาสต่อไป โดยหากมีการประกาศของครม.จะมีผลย้อนหลังให้ถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2568

ด้านนางมาระตี กล่าวถึงมิติการต่างประเทศ ว่า กลไกภายในกระทรวงการต่างประเทศ ในการบริหารสถานการณ์ขณะนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความตึงเครียด ของสถานการณ์ไทยกัมพูชา ได้ดำเนินการประสานงานด้านต่างๆ ในมิติการต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จัดตั้งคณะทำงานระดับกระทรวง เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานงานสนับสนุนการบูรณาการภายในกระทรวง และกรมที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเผยแพร่ข้อมูลระหว่างกระทรวง กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ในต่างประเทศทั่วโลก

นางมาระตี ยังกล่าวอีกว่า ตามที่ปรากฏรายงานข่าวในสังคมออนไลน์เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติลงเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แจ้งความประสงค์ของกัมพูชา ที่จะฟ้องร้องเกี่ยวกับประเด็น ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ทำกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการไปที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ให้มีหนังสือเช่นกันถึงเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนท่าทีและการดำเนินการของฝั่งไทย ในเรื่องนี้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม และฝ่ายไทยได้ขอให้เลขาธิการสหประชาชาติเวียนหนังสือชี้แจงของไทย เป็นเอกสารของสำนักงานสหประชาชาติ เพื่อให้สมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศได้รับทราบเช่นกัน ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และชี้แจงจุดเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

เมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกข่าวสารนิเทศอีก 1 ฉบับเพื่อชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าทีของไทย และข้อคิดเห็นในเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ของการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในพื้นที่สื่อในขณะนี้มีการนำเสนอข้อมูลจำนวนมากจากหลายแหล่ง ซึ่งบางส่วนอาจไม่ได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงได้มีการชี้แจงในการดำเนินการของฝ่ายไทย ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาและจุดยืนของรัฐบาลไทย คือการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชา ด้วยสันติวิธีภายใต้พันธกรณี 2543 ที่ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาเขตแดน ผ่านการเจรจาภายใต้กลไก JBC

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมืองพัทยา เปิดตัวป้ายจอ LED วอล์คกิ้งสตรีทโฉมใหม่ สุดอลังการ ตอบโจทย์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 28
สงขลา เปิดม่าน “เมืองแห่งป้อมปราการสู่มรดกโลก”
เมืองคอนจัดโครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน
ร้อยเอ็ด รมว.ท่องเที่ยว โชว์โดด “Zipline Roi Et Tower”แลนด์มาร์กสุดท้าทายใหม่แห่งอีสาน
เลย ประเมินตำบลยั่งยืนบ้านป่าเป้า ต.ปากปวน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​