ตำรวจค้นพลูวิลล่าหรูเพิ่มเจอหลักฐานสำคัญเป็นรังแก๊งเกาหลีเทา

ตำรวจค้นพลูวิลล่าหรูเพิ่ม เจอหลักฐานสำคัญ เป็นรังแก๊งเกาหลีเทา คอลเซ็นเตอร์ หลอกลงทุนหุ้น โรแมนซ์สแกม เชื่อย้ายฐานมาจากเพื่อนบ้าน ใช้พัทยาเป็นฐานตุ๋นเหยื่อ ชาวเกาหลีกันเอง

ความคืบหน้ากรณีตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ ตำรวจ สภ.บางละมุง นำกำลังบุกเข้าช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ หลังสถานทูตฯ ประสาน ถูกลักพาตัวมายังบ้านพลูวิลล่า เลขที่ 400/19 ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่พอนำกำลังมาถึงคนในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ พากันวิ่งหนีตำรวจ บางคนกระโดดลงมาจากชั้น 2 ตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนวิ่งหนีออกไปถนนสุขุมวิท ตำรวจก็สามารถตามจับกุมได้ทั้งหมด หลังจากนั้นมีการตรวจค้นในบ้าน พบคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ รวมกว่า 50 เครื่อง จึงทำการควบคุมตัวคนในบ้านทั้งหมด เป็นชาย ชาวเกาหลีใต้ รวม 22 คน เบื้องต้น ชาวเกาหลี กล่าวอ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินกู้ที่ประเทศเกาหลี แต่ใช้ประเทศไทย เป็นสำนักงานใหญ่ในการประสานงาน ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และ อั้งยี่ ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 21 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ. ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 เปิดเผยว่า ในคดีนี้ ต้นเรื่องมาจากการที่สถานทูตประเทศเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย ประสานมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ว่ามี พลเมืองชาวเกาหลีใต้ ถูกลักพาตัว และบังคับทำงาน เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งภายหลังได้รับการประสาน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ลงพื้นที่หาข่าว จนพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ของบุคคลที่มีการแจ้งว่าถูกลักพาตัว อยู่ในบ้านพลูวิลล่า หลังดังกล่าว จึงได้ขอกำลังสนับสนุน ทั้งตำรวจท่องเที่ยว , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง , และตำรวจ สภ.บางละมุง เข้าทำการปิดล้อมบ้านพลูวิลล่า

พอตำรวจมาถึง ปรากฏว่า พบกลุ่มชาวเกาหลีใต้ กำลังนั่งเรียงรายทำงานอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ พอเห็นตำรวจ ก็พากันแยกย้ายวิ่งหนีตายไปคนละทิศทาง ซึ่งตำรวจก็ตามไปจับได้ทั้งหมด บางคนก็กระโดดหนีลงมาจากชั้น 2 จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในขณะนี้ ยืนยันแล้วว่าบุคคลที่ถูกควบคุมตัวได้ภายในบ้าน มีทั้งสิ้น 21 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด โดยแบ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ 20 คน และ คนจีน 1 คน ส่วนพลเมือง ชาวเกาหลีใต้ ที่มีการอ้างว่าถูกลักพาตัวมาทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปรากฏว่า จากการพิสูจน์ทราบ ยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวมีอยู่ตัวตนอยู่จริง และกำลังนั่งทำงานรวมอยู่กับชาวเกาหลีใต้คนอื่นๆ ซึ่งตำรวจก็ได้ประสานไปแจ้ง กลับยังเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เพื่อแจ้งกับทางญาติว่า บุคคลดังกล่าว ยังปลอดภัยดี

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถยึดได้ในบ้านหลังดังกล่าว เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ( all in one ) และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก รวมกว่า 40 เครื่อง นอกจากนี้ตามโต๊ะคอมพิวเตอร์ จะมีโทรศัพท์มือถือโทรผ่านระบบอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า “ ไอพี โฟน“ วางอยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ 16 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ รวม 22 เครื่อง , และ เราเตอร์อินเตอร์เน็ต 2 เครื่อง ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึด พร้อมทั้งประสานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี (พฐ.) มาทำการตรวจสอบดีเอ็นเอ และ ลายนิ้วมือ เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี อีกทั้ง ตำรวจยังพบหลักฐานสำคัญ คือกระดานไวท์บอร์ด ถูกเขียนด้วยภาษาเกาหลี ลักษณะของข้อความ ถูกเขียนไว้ในลักษณะ “ เชิญชวนลงทุน ให้เล่นหุ้น รวมถึงอัตราค่าตอบแทนที่มูลมีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 12 ล้านบาท “ ซึ่งข้อความดังกล่าวเข้าข่าย แก๊งสแกมเมอร์ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยังพบข้อความในลักษณะ เข้าข่ายโรแมนซ์สแกม เพื่อไปหลอกเหยื่อให้หลงรัก หลงเชื่อ แล้วใช้เล่ห์ลวงให้โอนเงินให้อีกด้วย ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

นอกจากนี้ สิ่งน่าประหลาดใจ ในการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ พบว่า มีคนจีนหนึ่งเดียว อยู่รวมกลุ่มของชาวเกาหลีใต้ และ กำลังทำงานอะไรบางอย่าง ซึ่งอุปกรณ์ที่พบ ค่อนข้างจะเข้าข่ายเกี่ยวกับเรื่อง ” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดก่อน จึงจะสามารถชี้ได้ว่า กลุ่มชาวเกาหลีใต้ และ คนจีน ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่ แต่คำกล่าวอ้างในเบื้องต้น บอกเพียงทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินกู้ในประเทศเกาหลี ส่วนอย่างอื่นชาวเกาหลียังคงปิดปากเงียบ และ ไม่ยอมให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหา ตำรวจเตรียมเอาผิด เกี่ยวกับ พรบ. ร่วมกันลักลอบทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องของการตรวจสอบ หนังสือเดินทาง รวมถึงวีซ่า พบว่าทั้งหมด ถือวีซ่านักท่องเที่ยว และยังไม่พบว่ามีผู้ใด มีสถานะ โอเวอร์สเตย์ อีกทั้งยังพบว่ามีบุคคลเกาหลี 2 คน เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ส่วนข้อกล่าวหา อั้งยี่ ขอกลับไปสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดในข้อหานี้หรือไม่ เนื่องจากข้อหานี้จะต้องมีการทำข้อมูลรายงานการสืบสวน ประกอบสำนวนคดี

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การจับกุมชาวเกาหลี ของตำรวจท่องเที่ยว ถือเป็นการจับกุมชาวเกาหลีครั้งใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นมาจาก มีพ่อชาวเกาหลีใต้ เป็นห่วงลูกชาย ซึ่งโทรศัพท์ไปบอกพ่อว่า “ ถูกหลอกมาทำงานกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย และเหมือนว่าจะบังคับให้พ่อโอนเงินมาให้” แต่พ่อกลัวถูกหลอก จึงรีบประสานสถานทูตเกาหลี เพื่อขอความช่วยเหลือกับทางการไทย จนเป็นที่มาของการบุกเข้าจับกุมในครั้งนี้ และที่สำคัญ ลูกชาย ที่พ่อชาวเกาหลี ขอให้ทางการไทยช่วยเหลือ ก็นั่งทำงานอยู่ในบ้านพลู วิลล่า หลังดังกล่าวด้วย

 

 

ภาพ/ข่าว อนันต์ กิ่งสร ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อดีตรองผู้ว่าฯสุรินทร์ ถอดเทป "ฮุน เซน" คุย "นายกฯอิ๊งค์" 17 นาที แรงกว่าล่ามแปล ผู้นำเขมรขย่มทหารไทยหนักหน่วง
เริ่มแล้ว! "เสน่ห์สงขลา ลดค่าครองชีพ" รวมของจำเป็นราคาประหยัด
"นิด้าโพล" เผยคนไทยไม่เอา "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์+กาสิโน" หนุนทำประชามติก่อน
เดินเครื่องเต็มที่ สะพัด "นายกฯ" นัดถกพรรคร่วมฯ แจ้งผลปรับครม. เกลี่ยโควต้าภูมิใจไทย ชื่องูเห่าไทยสร้างไทยโผล่ด้วย
"ทรัมป์" แจ้งข่าว สหรัฐฯบอมบ์โรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน
คณะรวมพลังแผ่นดินฯ นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. เลือก "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" เป็นสถานที่จัดกิจกรรม
สื่อกัมพูชาสุดแสบ แพร่ข่าวโจมตีไทยเป็นช่องผ่านค้ามนุษย์ ธุรกิจมืด เอาคืนโดนแฉเขมรคือศูนย์กลางใหญ่สแกมเมอร์
"รวบ 2 สาวนักพนัน" ชาวไทย จากบ่อนปอยเปต ลอบเข้าช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา
แม่ทัพภาคที่ 2 จ่อลงนามปิดอีก 2 ด่านชายแดนไทย “ช่องสะงำ-ช่องจอม” เพื่อความปลอดภัยปชช.
มาหนักแน่ 42 จังหวัดรับมือฝนถล่ม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ไม่รอด ฝนหนัก 60 %

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น