“เอกนัฏ” ยันรทสช.ยังไม่แตก คาใจขบวนการปล่อยข่าว ลั่นใครใจไม่อยู่พรรคทำไมไม่ลาออก

"เอกนัฏ" ยันรทสช.ยังไม่แตก คาใจขบวนการปล่อยข่าว ลั่นใครใจไม่อยู่พรรคทำไมไม่ลาออก

“เอกนัฏ” ยันรทสช.ยังไม่แตก คาใจขบวนการปล่อยข่าว ลั่นใครใจไม่อยู่พรรคทำไมไม่ลาออก

 

สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศจะนำ สส.ในกลุ่มย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ชื่อ “พรรคโอกาสใหม่ ” ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลให้พรรครวมไทยรวมชาติเกิดความระส่ำ ขณะเดียวกันได้เกิดคำถามว่า นายสุชาติ และ สส.ในกลุ่มสามารถย้ายพรรคได้หรือไม่

ต่อมามีรายงานข่าวแจ้งว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติ พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยยกเลิกความในข้อ 53 ของข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติ พ.ศ. 2563 และ ให้ใช้ข้อความดังต่อไปนี้แทน

“ข้อ53 ระบุว่า สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง เมื่อผู้นั้นขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคในกรณี…. โดยมีสาระสำคัญใน (5) คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะกระทำผิดวินัยหรือมาตรฐานทางจริยธรรมหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคการเมืองตามข้อ 55 หรือกระทำความผิดกฎหมายร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น

(6) ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นหรือสนับสนุนผู้สมัครในตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ที่ไม่ใช่ของพรรคการเมือง

(7) กระทำการใดที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือความเป็นเอกภาพในพรรคการเมือง หรือการบริหารพรรคการเมือง รวมทั้งสนับสนุนหรือส่งเสริมการกระทำเช่นว่านั้น

ทั้งนี้เมื่อดูจากข้อบังคับข้อ 53 ที่แก้ขึ้นมาใหม่นั้น หากนายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อบังคับโทษใหม่ มีความเป็นไปได้ว่า นายสุชาติ รมช.พาณิชย์ ในฐานะสส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีเหตุสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง. ซึ่งการขาดสมาชิกพรรคจะทำให้ความเป็น สส.สิ้นสุดลงด้วย

 

 

เปิดข้อบังคับใหม่ รทสช. “พีระพันธุ์” แก้ไข 29 พ.ค. ห้ามทำผิดวินัย จริยธรรม ฝ่าฝืนต้องพ้นสมาชิกภาพ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดวันนี้ (2 มิ.ย.) รายการจับตาประเทศไทย ทางช่อง Top News ดำเนินรายการโดย คุณสำราญ รอดเพชร และคุณอุบลรัตน์ เถาว์น้อย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.20-12.05 น. ได้สัมภาษณ์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงเรื่องนี้ โดยนายเอกนัฏ กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้ รวมไทยสร้างชาติไม่แตกแยกครับ แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะปัญหาทางการเมือง ประชาชนเบื่อจะฟัง ตอนนี้ก็ประชุมกับสส.เรื่องงบฯ ดูแลงานของกระทรวงอยู่ ยังแปลกใจอยู่ว่า ทำไมสื่อเล่นประเด็นนี้ พอเห็นภาพที่พี่เฮ้ง นัดทานข้าว แล้วบอกว่าในวงกินข้าว มีคุยเรื่องย้ายพรรค ตกเย็นสส.โทรมาหาผม บอกว่าไม่ใช่แบบนั้นนะ ไม่ได้คุยเรื่องย้ายพรรค วันก่อนผมก็ไปกินข้าวกับสส.เหมือนกัน แต่ไม่ใช่วงนั้น วงนั้นผมไม่ได้ไป แล้วทานข้าวกันปกติ เป็นการสังสรรค์ ท่านธนกรก็ออกมาชี้แจงนะ ว่าไม่ใช่เรื่องย้ายพรรค

 

 

แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า การกินข้าวส่วนตัว ทำไมภาพถึงไปอยู่ที่สื่อได้ จากที่มีไม่กี่ 10 คน ทำไมกลายเป็น 23 สส. ได้ สื่อบวกเพิ่ม แล้วผีอีก 7-8 ตัว มันไปโผล่ได้ไง ชงเอง บวกเอง มีข่าวชงมาตลอด ทั้งปรับครม.ด้วย ทำไมตีความต่าง ๆ นานา จะผิดหรือถูก มันอาจจะเกิดขึ้นได้หมด แต่มันไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชนเลย

เมื่อถามว่า แต่ทางนายสุชาติ พูดเองว่าจะขอมูฟออนไปอยู่พรรคใหม่ แต่ไม่ใช่นาทีนี้ ทางด้านนายเอกนัฏ ได้ตอบว่า เขาไม่ได้คุยกับผมเรื่องนี้ เจอหน้ากันที่สภาก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องย้ายพรรค สส.ที่อยู่ในวงทานข้าวเมื่อวาน ก็มาชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ส่วนการที่นายสุชาติให้สัมภาษณ์ผ่านรายการหนึ่ง ทำนองว่ามีการสบประมาทคิดว่า สส.ถ้าจะไปตั้งพรรคใหม่กับนายสุชาติ ไม่ถึง 20 คน พรรครวมไทยสร้างชาติก็สามารถลองขับสส.ออกจากพรรคได้ จะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว จะมีสส.ไปทั้งหมดกี่คน นายเอกนัฏ กล่าวว่า แล้วใครไปสบประมาทนายสุชาติ ตนยังไม่เคยพูดเลยว่า สส.ในมือตนมีกี่คน แล้วนายสุชาติมีกี่คน คนเดียวที่พูดแต่ตัวเลข และเปลี่ยนไปเรื่อยมีแต่นายสุชาติพูดอยู่คนเดียว คนอื่นไม่เคยพูด ตนในฐานะเลขาธิการพรรค มีหน้าที่ดูแลสส.ทั้ง 36 คน และวันนี้แม้จะออกมาพูดเช่นนี้นายสุชาติเองก็ยังเป็นสส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ส่วนที่บอกว่าให้ลองขับ สส.ออกจากพรรคนั้น ก็ต้องมาดูความผิดกันก่อน เพราะแค่ไปทานข้าวไม่ใช่ความผิด เพราะส่วนตัวก็ไปทานข้าว กับสส.เป็นประจำ ทานข้าวกับสส.พรรคอื่นด้วย เถ้าแบบนี้ สส.พรรคอื่นที่มาทานข้าวกับตน จะต้องถูกขับออกจากสส.หรือไม่ เพราะฉะนั้นสส.ที่ปรากฏอยู่ในภาพ การรับประทานอาหาร ร่วมกันเป็นเรื่องปกติ และในคืนเดียวกันก็มาทานกับข้าวกับตนตั้ง 20 กว่าคน ตนไม่เห็นต้องส่งข่าว หรือออกมาพูดออกมาปั่นเลย ว่าตนมีสส.อยู่ในมือ 20 คน 30 คน มีสส. พรรคอื่นมาทานข้าวด้วย ตนไม่เห็นออกมาพูดเลย และไม่เห็นต้องให้ความสำคัญเลย ตนขอแนะนำว่าหากใจไม่อยู่กับพรรคแล้ว แล้วประกาศออกมา อย่างโฉ่งฉ่างแบบนี้ ทำไมไม่ตัดสินใจลาออกจากพรรคเลย ทำไมต้องให้พรรคขับออก ตนไม่เข้าใจ ปากพูดออกมาแล้ว ที่บอกว่าเหลืออีก 2 ปีต้องไปดีไซน์ใหม่ ใจไม่อยู่กับพรรค หรืออะไรก็แล้วแต่ ตนไม่มีเวลาไปฟังทุกรายการ เพราะถ้าพูดแบบนั้นจริงทำไมไม่ลาออกจากพรรค

เมื่อถามต่อว่า หากสส.ในภาพ ทั้ง 10 ท่าน หรือตามรายชื่อ 23 รายชื่อ ย้ายพรรคจริง จะเป็นอย่างไร นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในภาพมันแค่เพียงหลักสิบ ไม่ใช่ 23 คน ผมไม่ทราบรายชื่อว่ามาจากไหน มีกระบวนการปั่นข่าว เพราะคนกินข้าวกันทุกวัน แต่ภาพไปอยู่ในมือสื่อ แล้วมีข้อมูลเรื่องย้ายพรรคขึ้นมา มี 23 รายชื่อมาอีก หนึ่งในนั้นมีชื่อคุณจุติ ไกรกฤษ์ ซึ่งท่านก็ไม่พอใจว่า ทำไมชื่อท่านถูกเอาไปอ้าง เพราะท่านก็ยังทำงานกับพรรคอยู่

เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้ว จะเกิดแบบพรรคกล้าธรรมโมเดล หรือ พลังประชารัฐโมเดล คือการแยกพรรคออกไปแล้วแบ่งสมาชิกคนละครึ่ง แล้วไปแบ่งโควต้ารัฐมนตรีมา มองว่าจะเกิดขึ้นแบบนั้นได้หรือไม่นั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มีกลไกอะไรแบบนั้น เพราะกล้าทำก็เกิดขึ้นจากการเตะ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐออกจากรัฐบาลไปก่อน แล้วก็มีงูเห่าโยกเข้ามา เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ต้องแยกกัน จนกว่าจะเกิดการยุบสภาหรือ พรรครวมไทยสร้างชาติออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แล้วค่อยแยกกันออกมาดังนั้นขณะนี้ไม่มีปัจจัยอะไรที่จะต้องแยกกัน โดยยืนยันว่า กล้าธรรมโมเดลไม่ควรเกิดขึ้นกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

ส่วนกรณีที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มอง หัวหน้าพรรคควรดำรงตำแหน่งแล้ว เนื่องจากไม่มีความสง่างามและไม่มีความใกล้ชิดกับ สส. นั้น นายเอกนัฏกล่าวว่า นั่นคือความเห็นส่วนตัวของนายเสกสกล ซึ่งนายเสกสกลก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของพรรค พอเป็นคนจดทะเบียนและก่อตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติมาตั้งแต่ต้น และเมื่อมีการประชุมใหญ่ก็มีการตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าภาคร่วมไทยสร้างชาติ เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งตนเป็นเลขาธิการพรรค โดยส่วนตัวมองว่า หากมีความเห็นอย่างสร้างสรรค์อยากให้ เราปรับอะไร ก็ชี้แจงมาเพื่อที่จะนำไปปรับปรุง ซึ่งตนก็ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคอยู่ตลอด หากนายเสกสกล มองว่าไม่สง่างามอะไรก็ให้บอกมา แต่โดยส่วนตัวตนก็เห็นว่าหัวหน้าพักทำงานหนัก แต่ด้วยที่เป็นคนไม่ตอบโต้ แต่ที่ผ่านมาก็ทำงานอย่างหนักและเป็นนักการเมืองที่สุจริต และขณะนี้ก็มีผลงานเยอะแยะ อย่างเช่น การลดค่าไฟ และการปรับโครงสร้างพลังงานที่ขณะนี้ก็ พยายามทำอยู่อย่างต่อเนื่อง และหากมีข้อเสนออะไรก็ให้ยกหูมาคุยกัน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) มหกรรมบริการผู้สูงอายุจีนที่ปักกิ่งชูเทคโนโลยีอัจฉริยะ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'รถบรรทุกเหมืองไร้คนขับ'จีนลุยงานในมองโกเลียใน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ครูจีนประดิษฐ์ 'เจ้าม้าสองล้อ' ควบขี่เหมือนม้าจริง
"แม่ทัพภาคที่ 2" ลั่นจะใช้ความอดทนจนถึงที่สุด หากเกิดเหตุบานปลาย พร้อมรบทุกเมื่อ ปกป้องรักษาแผ่นดินไทย
"กองทัพ" ยันเฟกนิวส์ ปัดสั่งอพยพ "ชาวน้ำยืน" ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
มรสุมกระหน่ำ อุตุฯเตือน 18 จังหวัด รับมือฝนถล่ม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ฝนหนัก บ่ายถึงค่ำ
"กรมการศาสนา" จับมือ "สมาคมฮินดูสมาช" จัดพิธีคงคาอารตีครั้งแรกในไทย อย่างยิ่งใหญ่ริมเจ้าพระยา
"ผบ.ตร." ย้ำแสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ หลังเกิดเหตุความขัดแย้ง "ช่องบก"
"โฆษกทบ." โต้กัมพูชา กล่าวหาไทยเปิดฉากยิงช่องบก ยันเป็นเหตุป้องกันตัว ลั่นกองทัพพร้อมตอบโต้รุกล้ำอธิปไตย
"ณฐพร" นอนคุก! ศาลอาญา รับฟ้องคดีฟอกเงิน สหกรณ์คลองจั่น ชี้โทษสูงไม่อนุญาตประกันตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น