AFP รายงานว่าหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 26 พค.) วันนี้ (อังคารที่ 27 พค.)มาเลเซียก็เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน จีนและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ ซึ่งมีบาห์เรน, คูเวต, โอมาน, กาตาร์, ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีนได้บอกกับผู้เข้าร่วมประชุมว่าการประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ภายใต้ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก
ขณะที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮัม ผู้นำมาเลเซียกล่าวระหว่างเปิดประชุมว่าเขามั่นใจว่าความร่วมมือ 3 ฝ่ายคือจีน-อาเซียน-อ่าวอาหรับจะสร้างอนาคตที่มีความเชื่อมโยงกันและยืดหยุ่นที่มากขึ้น พร้อมเตือนว่าระเบียบโลกหรือภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังจะเปลี่ยนไป
ผู้เชี่ยวชาญที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่าอาเซียนเคยรับบทบาทตัวกลางและรักษาสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจจีนและสหรัฐ แต่หลังจากที่สหรัฐภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทำตัวเป็นพันธมิตรที่หาความแน่นอนไม่ได้ อาเซียนจำเป็นต้องหาพันธมิตรใหม่และรับบทบาทใหม่ ซึ่งการประสานให้จีนและกลุ่มอ่าวอาหรับมาเจอกันและยกระดับความสัมพันธ์ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทใหม่ภายใต้ความริเริ่มของมาเลเซีย เจ้าภาพอาเซียนปีนี้ ขณะที่จีนเองก็กำลังมองหาพันธมิตรและตลาดใหม่ๆมาแทนที่สหรัฐ เพราะแม้ทรัมป์จะเลื่อนกำหนดการเก็บภาษีกลุ่มประเทศอาเซียนและจีนออกไป แต่ก็ยังไม่่มีอะไรแน่นอนว่าหลังจาก 90 วันแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
โดยจีนนั้นถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของอาเซียนอยู่แล้ว เมื่อเจอกำแพงภาษีสุดโหดของทรัมป์เข้าไป จีนก็ปรับตัวอย่างรวดเร็วหันมาเพิ่มการส่งออกมาที่อาเซียน โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดส่งออกของจีนมาไทย, อินโดนีเซียและเวียดนามพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการเข้าร่วมประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายครั้งนี้ของหลี่เฉียงเป็นจังหวะที่ถูกต้องและพอเหมาะพอดี
ขณะที่อันวาร์กล่าวว่าเขาได้ส่งหนังสือไปถึงสหรัฐขอให้มีการจัดประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียนภายในปีนี้ แต่ทางสหรัฐยังไม่มีหนังสือตอบกลับมา
ทั้งนี้มีรายงานหลังการประชุมผู้นำอาเซียนกับกลุ่มอ่าวอาหรับในช่วงเช้าเสร็จสิ้น สุลต่านฮัสซานัล โบลเกีย ผู้นำบรูไนได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงกัวลาลัมเปอร์เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียจากการประชุม