AFP รายงานว่าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ จะมุ่งประเด็นการหารือไปที่กำแพงภาษีของสหรัฐภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดโลกและกลายเป็นจุดเปลี่ยนของทิศทางและระบบการค้าระหว่างประเทศที่ยึดมั่นในการค้าเสรีมายาวนาน
ทั้งนี้ที่ประชุมจะมีการออกแถลงการณ์เตือนว่าการดำเนินนโยบายเก็บภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของอาเซียน
นโยบายภาษีของทรัมป์ทำให้อาเซียนต้องเร่งหามาตรการควบคุมผลกระทบเนื่องจากเศรษฐกิจอาเซียนพึ่งพาการค้าเป็นหลัก นอกจากนี้ยังกดดันอาเซียนซึ่งยึดนโยบายเป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่ายต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดทั้งคู่
AFP เผยว่าแถลงการณ์อาเซียนที่จะออกมาหลังสิ้นสุดการประชุมสุดยอดที่กัวลาลัมเปอร์ในวันพรุ่งนี้ระบุว่า “อาเซียนรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อการประกาศใช้นโยบายเก็บภาษีฝ่ายเดียว” และว่า “นโยบายของทรัมป์ได้ทำให้เกิดความท้าทายที่ซับซ้อนในหลายมิติต่อการเดิบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของอาเซียน อย่างไรก็ตามอาเซียนยังยืนยันในจุดยืนเดิมที่จะยึดมั่นในหลักการค้าเสรี
ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ได้เรียกร้องให้มีการทำแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางภาษี และเรียกร้องอาเซียนให้รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่ละประเทศต้องแยกกันเจรจากับสหรัฐก็ตาม
และในวันอังคาร (27 พค) ผู้นำอาเซียนจะพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนและผู้นำกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งรวมถึงบาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายเป็นครั้งแรก
นักวิเคราะห์คาดการณ์การประชุม 3 ฝ่ายวันอังคารจะเพิ่มแรงกดดันให้อาเซียนเปลี่ยนจุดยืนที่เคยยึดนโยบาย “เป็นกลาง” และ “เป็นมิตรกับทุกฝ่าย” ภายใต้ความพยายามของจีนในการยกระดับความสัมพันธ์กับอาเซียนในฐานะประเทศคู่ค้าที่พึ่งพาได้ อย่างไรก็ตามอาเซียนเองก็ไม่ต้องการทิ้งสหรัฐเพื่อโผหาจีนแบบเต็มตัว เพราะไม่ต้องการทำให้สหรัฐโกรธและเดินหน้าขึันภาษีตามที่ประกาศไว้