19 พ.ค.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 2 เพื่อ ทบทวนมาตรการทางเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมมีมติ ให้ชะลอโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 ออกไปจนกว่าสถานการณ์ เศรษฐกิจจะเหมาะสม ซึ่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจีดีพีอยู่ที่ 1.8% โดยคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 ตัวเลขจะลดลงอีก ซึ่งเกิดจากปัญหากำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่ทำให้สะดุด ซึ่งไม่ใช่ไทยที่โดนคนเดียว แต่เป็นทั้งโลก เพราะฉะนั้นเราต้องทบทวน โดยงบประมาณที่กันไว้เพื่อจะใช้ในเฟส 3 จำนวน 1.57 แสนล้านบาท จะนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องอื่น ซึ่งเราไม่ได้คิดคนเดียว แต่สภาพัฒน์ก็อยากให้มีการทบทวนจ่ายเงินหมื่น รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เห็นในทำนองเดียวกัน

ดังนั้น ที่ประชุมวันนี้จึงมีมติให้ทบทวน และจะนำเงินไปใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค การคมนาคม ทั้งเรื่องรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ และถนนหนทาง ให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องของการท่องเที่ยว และช่วยเหลือการส่งออก รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้มีการจ้างงาน โดยคณะกรรมการจะติดตามและกำกับการใช้งบประมาณ

นายพิชัย กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทบทวนการแจกเงินหมื่น ไม่ใช่ไม่มีเงิน โดยเงินคงคลังมีอยู่ ถ้ามีการนำเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คาดไว้ส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้นอีก 0.71-1%

เมื่อถามย้ำว่า พูดตรงตรงได้เลยหรือไม่ว่าเป็นการยกเลิก ไม่ใช่ยื้อเวลา นายพิชัยกล่าวว่า ไม่ได้ยกเลิก ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจดีก็พร้อมเดินหน้า

ขณะที่ทางด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าโครงการเงินหมื่นเฟส 3 แค่ชะลอ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราก็รับฟังทุกหน่วยงานที่ให้ความเห็นมาแล้วว่าควรจะชะลอ ส่วนในอนาคตอาจจะมีการปรับเปลี่ยนจึงไม่น่าจะมีปัญหาเพราะรัฐบาลยังมีงบประมาณ 2568-2570 อยู่ ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายมิติ

ส่วนโครงการนี้ถ้าเดินต่อไม่ได้ จะกระทบกับการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ เพราะถือเป็นนโยบายเรือธง นายสรวงศ์ เชื่อว่าสามารถอธิบายกับประชาชนได้เพราะเป็นแค่การปรับแผนจากปัญหาเศรษฐกิจโลกรุมเร้า