งานเข้าอีก ศาลรับฟ้องคดี “ดิว อริสรา” ฉ้อโกง ลวงนำสร้อยเพชรหรูจำนำ นัดไต่สวนมิ.ย.นี้

บริษัทแบรนด์เนมชื่อดัง ฟ้อง “ดิว อริสรา” ต่อศาลแขวงปทุมวัน เป็นคดีฉ้อโกง ลวงนำสร้อยเพชร ที่ได้จากการยักยอกจากเจ้าของที่แท้จริงมาวางจำนำ ทำให้ต้องสูญเงินกว่า 6 ล้านบาท ศาลประทับรับฟ้องนัดไต่สวนต้นเดือนมิ.ย.นี้

งานเข้าอีก ศาลรับฟ้องคดี “ดิว อริสรา” ฉ้อโกง ลวงนำสร้อยเพชรหรูจำนำ นัดไต่สวนมิ.ย.นี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

9 พ.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนพระรามที่ 4 บริษัทแบรนด์เนมชื่อดัง ได้มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.อริสรา หรือ ดิว ทองบริสุทธิ์ อายุ 35 ปี นักแสดงชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกง

โดยโจทก์บรรยาฟ้องสรุปความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญา ฐานฉ้อโกงประชาชน กล่าวคือ นายริท ได้นำสร้อยคอ ยี่ห้อ BLVGARI (บุลการี) มาให้โจทก์ โดยแจ้งกับโจทก์ว่า สร้อยคอยี่ห้อ BLVGARI ดังกล่าวเป็นของจำเลย ซึ่งเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง แต่จำเลยต้องการนำมาขายฝากไว้กับโจทก์ และจะไถ่ทรัพย์คืนภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาแต่มีการขยายระยะเวลา 4 ครั้ง จนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2567 พนักงานของโจทก์ และผู้บริหารของโจทก์ได้พูดคุยกับจำเลยเพื่อยืนยันตัวตนผ่านทางไลน์แอปพลิเคชันจึงทราบว่าเป็นจำเลยจริง

 

โดยจำเลยต้องการขายฝากไว้กับโจทก์ในราคา 7,000,000 บาท เท่านั้น โจทก์จึงนำสร้อยคอยี่ห้อ BLVGARI (บุลการี) ไปตรวจสอบว่า เป็นของแท้หรือไม่ ส่วนยอดเงินที่โจทก์ซื้อฝากนั้นเมื่อนำเงิน 5,000,000 บาท มาหักค่าบริการตู้นิรภัยเป็นเงิน 6,569 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และค่าประกันราคาผันผวนเป็นเงิน 42,800 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) คงเหลือเงินที่โจทก์ต้องโอนเงินสินเชื่อให้กับจำเลยเป็นเงิน 6,450,630 บาท ต่อมาจำเลยได้ลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาไว้กับผู้กล่าวหา โดยผู้กล่าวหาเชื่อโดยสุจริตว่าสร้อยคอดังกล่าวเป็นของผู้ต้องหา รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญาขายฝากทั้ง 4 ฉบับ สำเนาการโอนเงินให้แก่จำเลย และภาพถ่ายสร้อยคอดังกล่าว

กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 โจทก์ได้ทราบว่าสร้อยคอยี่ห้อ BLVGARI (บุลการี) ที่จำเลยนำมาขายฝากไว้กับโจทก์ไม่ใช่ของจำเลย แต่เป็นของ น.ส.วาสนา อินทะแสง แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาอันเป็นทุจริตหลอกลวงโจทก์ว่า สร้อยคอยี่ห้อ BLVGARI (บุลการี) ที่นำมาขายฝากกับโจทก์เป็นของจำเลย เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินสินเชื่อจากโจทก์ อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

โจทก์ทราบเหตุการณ์กระทำความผิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 จากสื่อสาธารณะ เหตุเกิดที่ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

คดีนี้โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันไว้แล้ว แต่เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วในการดำเนินคดีจำเลย โจทก์จึงขอใช้สิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีต่อศาล

ทั้งนี้ ศาลรับฟ้องคดีไว้พิจารณาและนัดไต่สวนมูลฟ้องช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

KNU ปูดข่าวช็อก! “พม่า-รัสเซีย” จ่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ใกล้ “กาญจน์”
ผู้ว่าฯชลบุรี เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิก พร้อมเยี่ยมเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย
ผอ.สปภ.กทม. ยืนยัน ไม่มีผู้ติดค้างเพิ่ม หลังยุติค้นหา เหตุ "ตึกสตง." ถล่ม- เตรียมทำบุญใหญ่ 13 พ.ค.นี้
"นพ.แท้จริง" กระตุกแรงรัฐบาล "เพื่อไทย" ไฟเขียวเปิดขายแอลกอฮอล์ วันพระใหญ่ ซัดอุบัติเหตุเพิ่ม รับผิดชอบอย่างไร
บรรยากาศ เลือกตั้ง นายก / สท.ตราด คึกคัก
บรรยากาศ เปิดหีบเลือกตั้งเทศบาลเมืองหนองปรือ 2 ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ก่อนเปิดหีบ
"กองทัพบก" เฝ้าระวัง "โรคแอนแทรกซ์" ออกมาตรการป้องกันในหน่วยทหาร ปลอดภัยจากโรคระบาด
"พิพัฒน์" เยี่ยมศูนย์ดูแลแรงงาน ในเกาหลีใต้ ให้กำลังใจทำงาน ย้ำสร้างความมั่นคงชีวิตอนาคต
ทรัมป์ชมเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนที่สวิตฯคืบหน้าดีมาก
วธ. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร-เวียนเทียน เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา นำพุทธศาสนิกชนใช้หลักธรรมสืบสานพระพุทธศาสนา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น