“ดีเอสไอ” ส่งข้อมูลวิเคราะห์ ปมฮั้วสว.67 ให้ “กกต.” พิจารณากฎหมายเลือกตั้ง

"ดีเอสไอ" ส่งข้อมูลวิเคราะห์ปมฮั้ว สว.67 ให้ "กกต." พิจารณาเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง พิจารณา ยื่นศาลฎีกานักการเมืองเพิกถอนสิทธิ ออกใบแดง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ ดีเอสไอรับเป็นหัวเรือ ฟันอาญากลุ่มบุคคลหลังพบข้อมูลด้านการเงินเชื่อมโยงถึงกัน เข้าข่ายตั้งคณะบุคคลร่วมกันจัดฮั้ว

“ดีเอสไอ” ส่งข้อมูลวิเคราะห์ ปมฮั้วสว.67 ให้ “กกต.” พิจารณากฎหมายเลือกตั้ง – Top News รายงาน

 

ดีเอสไอ

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยว่า หลังจากดีเอสไอได้สอบสวนปากคำพยานสำคัญร่วมกับ กกต. จำนวนกว่า 30 ราย รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวของกลุ่มคณะบุคคล, การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่การเลือก สว. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ, การกาคะแนน การนับผลคะแนนที่มีการเลือกหมายเลขเดียวกันซ้ำ ๆ กันหลายชุด เป็นต้น เมื่อได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์แล้วพบการกระทำที่เข้าข่าย มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จึงส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบการพิจารณาตามกฎหมายเลือกตั้ง

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อาทิ การพิจารณาเพิกถอนสิทธิ สว. ซึ่งในส่วนนี้ หากมีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รายใดก็ตามที่ กกต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่า มีการกระทำผิดจริง ก็ให้ กกต. เป็นผู้พิจารณาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลนั้นกับพนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือดีเอสไอก็ตาม และในเรื่องของการดำรงตำแหน่งของ สว. ก็ให้ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คาดว่าการดำเนินการของ กกต. อาจจะอยู่ในช่วงกรอบสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องคดีอาญาที่ดีเอสไอรับผิดชอบ คือ ความผิดฐานฟอกเงินและอั้งยี่ คณะพนักงานสอบสวนยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

เนื่องจากการสอบสวนปากคำพยานทั่วประเทศ ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อจำแนกกลุ่มคนว่าใครมีพฤติการณ์จับกลุ่ม ตั้งเป็นคณะบุคคลอย่างไรบ้าง มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันมากน้อยอย่างไร ซึ่งในการดำเนินคดีแจ้งความผิดฟอกเงินและอั้งยี่ มีความเป็นไปได้ว่าบางคนอาจมีความผิดทั้งสองข้อกล่าวหา ขณะที่บางคนอาจมีความผิดแค่ฐานเดียว ซึ่งดีเอสไอจะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน แต่ก็คาดว่าจะอยู่ในกรอบเดือน พ.ค. เช่นเดียวกัน เพราะพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดที่ดีเอสไอไปร่วมเป็นคณะอนุกรรมการฯ กับ กกต. หรือดีเอสไอ เป็นหัวเรือหลักเองในคดีอาญา ก็สามารถใช้พยานหลักฐานชุดเดียวกันพิจารณาได้

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า หากทาง กกต. พบ สว. ที่กระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง และมีพฤติการณ์เป็นไปตามการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่สุจริต หรือมีการฮั้วเกิดขึ้นจริง ทั้ง สว. ตัวจริง 138 ราย และสำรอง 2 ราย ก็จะถูก กกต. แจ้งดำเนินคดี ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า สว. เหล่านี้ ก็จะมีความผิดในคดีอาญาของดีเอสไอเช่นกัน ซึ่งต้องพิจารณาทั้งความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานอั้งยี่ โดยเฉพาะความผิดฐานฟอกเงินก็ต้องดูว่า เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินจำนวนกี่บาท มีการจ่ายรับโอนจ่ายช่วงวันเวลาใดบ้าง เพราะความผิดฐานฟอกเงิน พิจารณาเป็นรายกรรม อีกทั้งการฮั้ว เกิดขึ้นได้ 2 รูปแบบ คือการฮั้วแบบใช้เงินและไม่ใช้เงิน ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นการฮั้วในรูปแบบลักษณะใดก็ตาม และโดยผู้ใดก็ตาม หากเป็นหนึ่งในขบวนการย่อมมีความผิด

   

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คนรักสัตว์ห้ามพลาด!กับงาน "Pet Family Present by World of Pet" จัดยิ่งใหญ่อลังการส่งท้ายปี
"อัจฉริยะ" ร้องดีเอสไอสอบผิด "บิ๊กต่าย" อ้างหลักฐานคลิปเสียง คุณหญิงอ้างเบื้องสูง รับวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ตร.
อ.เวียงเชียงรุ้ง เตรียมดัน “วัดเวียงเชียงรุ้ง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สู่แลนด์มาร์คใหม่ของ จ.เชียงราย
“บิ๊กเล็ก” ถกสภากลาโหม เน้นย้ำกองทัพนำคณะ AOT ลงพื้นที่เป็นพยานฝ่ายไทย ผลักดัน 200 ครอบครัวกัมพูชา หลังปักหมุดหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ-เหรียญรัตนาภรณ์ "น.ส.จุฑาทิพย์ วิลาด"
ตำรวจรวบ 2 ผัวเมีย ลอบขนไอซ์ 500 กก. ใช้รถบรรทุกฟางอำพราง เตรียมส่งอยุธยา ค่าจ้าง 1 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​