รัฐบาลท้องถิ่นรัฐควีนสแลนด์ ระบุว่า การเพิ่มโทษเยาวชนอายุน้อยสุด 10 ปี เพื่อสนองตอบความไม่พอใจของผู้คนในสังคม ต่อปัญหาอาชญากรรมจากน้ำมือของผู้ก่อเหตุรุ่นเยาว์ และเชื่อว่าจะเป็นมาตรการป้องปรามได้อย่างหนึ่ง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคน ยกงานวิจัยที่พบว่า โทษหนัก ไม่ได้ช่วยลดการกระทำความผิดของเยาวชน หน้ำซ้ำจะทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้น สหประชาชาติก็วิจารณ์แนวทางนี้เช่นกัน ว่าไม่คำนึงถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
แต่พรรคแห่งชาติเสรีนิยม หรือ LNP ที่ชนะเลือกตั้งรัฐควีนสแลนด์เมื่อเดือนตุลาคม ชูนโยบายนี้ในตอนหาเสียง ด้วยการระกาศว่า จะ “ยกสิทธิของเหยื่อ” ไว้เหนือ “สิทธิของอาชญากร”
เดวิด คริสซาฟัลลี่ ผู้นำรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีรัฐควีนสแลนด์ ก ล่าวหลังสภาผ่านกฎหมาย เมื่อวาน ( 12 ธันวาคม ) ว่า การผ่านกฎหมายฉบับนี้เป็นไปเพื่อชาวรัฐควีนสแลนด์ทุกคน ที่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และเป็นเหยื่ออาชญากรรมจากเยาวชนทั่วรัฐ
ก่อนการลงมติ ฝ่ายรัฐบาลท้องถิ่นและฝ่ายค้าน อ้างว่า รัฐควีนสแลนด์เผชิญคลื่นอาชญากรรมจากเยาวชน จำเป็นจะต้องเพิ่มโทษให้หนักขึ้นเพื่อแก้ปัญหา แต่สำนักงานสถิติออสเตรเลีย พบว่าอาชญากรรมจากเยาวชนในรัฐฯ ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้วในรอบ 14 ปี และลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2565 จากนั้นก็ทรงตัวเรื่อยมา เช่นเดียวกับสถิติจากสำนักงานตำรวจควีนสแลนด์ และสถาบันอาชญวิทยาออสเตรเลีย ที่แสดงแนวโน้มไปในทางลดลง
กฎหมายที่รัฐบาลรัฐควีนแลนด์ ผ่านบังคับใช้เมื่อวาน เรียกกันว่า “adult crime, adult time” หรือ ก่ออาชญากรรมแบบผู้ใหญ่ ก็รับโทษแบบผู้ใหญ่ กำหนดความผิด 13 อย่างที่เด็กตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไปต้องรับโทษแบบผู้ใหญ่ รวมถึงโทษจำคุกตลอดชีวิตฐานฆาตกรรม โดยต้องรับโทษ 20 ปีก่อนจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวโดยคุมประพฤติได้ จากที่ก่อนหน้านี้ โทษสูงสุดสำหรับเยาวชนจากความผิดฆาตกรรม คือจำคุก 10 ปี ส่วนโทษจำคุกตลอดชีวิต จะพิจารณาเฉพาะเป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้ายเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ ได้ถอดบทบัญญัติที่ให้ “การคุมขังเป็นทางเลือกสุดท้าย” ซึ่งมุ่งสนับสนุนให้ลงโทษเยาวชนด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การจองจำ เช่น ปรับ บำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งเมื่อตัดข้อนี้ออกไป จะเปิดโอกาสให้ผู้พิพากษา พิจารณาประวัติอาชญากรรมของเยาวชนประกอบได้อย่างเต็มที่เมื่อตัดสินลงโทษ
สหภาพตำรวจควีนสแลนด์ ชื่นชมการแก้ไขกฎหมายว่า เป็นการก้าวกระโดดสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ส่วน เดบ เฟรคคลินตัน อัยการสูงสุดคนใหม่รัฐควีนแลนด์ บอกว่า จะช่วยให้ศาลมีขีดความสามารถในการพิจารณารูปแบบความผิด และให้ผู้ก่อเหตุ ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองได้มากขึ้น แต่ยอมรับว่าเป็นการแก้ไขกฎหมาย ที่สวนทางกับมาตรฐานสากล เด็กชนพื้นเมืองอาจจะได้รับผลกระทบอย่างไม่ได้สัดส่วน และอาจทำให้เยาวชนต้องถูกคุมตัวในคุกตำรวจนานขึ้น เพราะเรือนจำหลายแห่งไม่มีที่ว่างแล้ว ทั้งนี้ รัฐควีนสแลนด์ในปัจจุบัน มีเยาวชนอยู่ในเรือนจำมากกว่าทุกรัฐในออสเตรเลีย
ขณะที่แอน ฮอลลอนดส์ กรรมาธิการเด็ก ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลีย กล่าวว่า เป็นการแก้ไขกฎหมายที่น่าอับอายในสายตาโลก รัฐบาลรัฐควีนสแลนด์เพิกเฉยหลักฐานที่ชี้ว่า เด็กสัมผัสกับระบบยุติธรรมอายุน้อยเท่าไหร่ ยิ่งมีแนวโน้มจะก่ออาชญากรรมรุนแรงเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ภาพปก Pixabay