วันที่ 13 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันเอกอภิชัย เรืองฤทธิ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก ทหารชุดปฎิบัติการพิเศษ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่25 สนธิกำลังร่วมกับ สภ.ปากจั่น หลังได้รับรายงานข่าวว่า จะมีการลักลอบขนสินค้าทางการเกษตรประเภทปาล์มน้ำมันและยางพาราก้อนถ้วย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร บริเวณพื้นที่ช่องทางธรรมชาติ ริมแม่น้ำกระบุรี บ้านหาดตุ่น ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จึงได้จัดกำลังชุดลาดตระเวน เข้าทำการซุ่มตรวจ โดยวิธีเดินเท้า เพื่อหลบหลีกฝ่ายกระทำความผิดที่วางสายคอยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหว ของเจ้าหน้าที่
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ซุ่มเฝ้าตรวจได้สังเกตเห็นเรือไฟเบอร์สีส้มและสีน้ำเงิน บรรทุกปาล์มน้ำมันทะลายและยางพาราก้อนถ้วยบรรจุอยู่ในกระสอบสีขาว ข้ามจากฝั่งประเทศเมียนมา พร้อมชายชาวเมียนมา ประมาณ 5 คน ได้พายเรือมาเทียบท่าฝั่งประเทศไทย จากนั้นกลุ่มชายชาวเมียนมา ได้ช่วยกันลำเลียงกระสอบยางพาราก้อนถ้วย ขึ้นรถ จักรยานยนต์ ดัดแปลงสภาพติดสามล้อพ่วงข้าง) จำนวน 2 คัน
เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ออกจากที่ซุ่ม ก่อนจะวิ่งลัดเลาะฝ่ากลางสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อไปยังเป้าหมาย ท่าเทียบเรือตามช่องทางธรรมชาติ ริมแม่น้ำกระบุรี เป็นระยะทางร่วม 500 เมตร เมื่อถึงเป้าหมายแรก พบชายชาวเมียนมา ทิ้งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง มีกระสอบปุ๋ยใส่ยางพาราก้อนถ้วย แล้ววิ่งหนีไม่คิดชีวิตลงท่าเทียบเรือทันที แม้จะลื่นล้มก็ลุกขึ้นวิ่งหนีต่อ จนไปถึงท่าน้ำที่มีเรือไฟเบอร์สีส้ม จอดรออยู่ ก่อนจะรีบพายเรือออกจากฝั่งทันที จีงยึดรถจักรยานยนต์ คันที่ 1 ยี่ห้อSuzukiสแมช สีน้ำเงินดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ภูเก็ต ตรวจสอบอีกช่องทางธรรมชาติซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร ก็พบกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้ายางพาราก้อนถ้วย ทิ้งรถจักรยานยนต์สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งดัดแปลงสภาพติด 3 ล้อพ่วงข้าง ไว้ได้อีก 1 คัน ที่ท่าน้ำยังตรวจพบ กองปาล์มน้ำมัน กองใหญ่ทิ่งไว้ที่ริมตลิ่งเพื่อเตรียมขนเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง การปฎิบัติในครั้งนี้ ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ แต่สามารถยึดของกลางได้ทั้งหมด ประกอบด้วย ยางพาราก้อนถ้วย น้ำหนัก 200 กิโลกรัม ปาล์มน้ำมัน น้ำหนัก 465 กิโลกรัม รถจักรยานยนต์ ดัดแปลงสภาพติด 3 ล้อพ่วงข้าง ที่ใช้เป็นพาหนะกระทำความผิด จำนวน 2 คัน จากนั้น จนท.จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่ง พนง. สอบสวน สภ.ปากจั่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กฤษดา เอกวานิช ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย / จ.ระนอง