“ตร.ไซเบอร์” บุกค้นรีสอร์ตหรูเชียงใหม่ รวบ “แก๊งชาวจีน” ลอบตั้งฐานคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกเหยื่อคนไทย

ตำรวจไซเบอร์ บุกทลายแก๊งชาวจีน แอบตั้งฐานคอลเซ็นเตอร์พื้นที่เชียงใหม่ โทรหลอกเหยื่อคนไทย

“ตร.ไซเบอร์” บุกค้นรีสอร์ตหรูเชียงใหม่ รวบ “แก๊งชาวจีน” ลอบตั้งฐานคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกเหยื่อคนไทย – Top News รายงาน

วานนี้ (4 ธ.ค.67) เวลา 15.00 น. ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. (ตำรวจไซเบอร์) พร้อมกำลังชุดสืบสวนกว่า 20 นาย นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าปูพรมตรวจค้นรีสอร์ต (บ้านกลางดอย รีสอร์ต) ตั้งอยู่ริมถนนหางดง – สะเมิง ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการรีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม มีบ้านพักรองรับลูกค้าหลากหลายรูปแบบกระจายตัวอยู่ในพื้นที่กว่า 10 หลัง

ข่าวที่น่าสนใจ

ผลการตรวจค้นพบ MR.XIA อายุ 31 ปี ชาวจีน ถือสัญชาติกัมพูชา กับกลุ่มชาวจีนอีก 9 คน และชาวเมียนมา 4 คน พักอาศัยอยู่ในบ้านพัก นอกจากนี้ยังตรวจพบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม และอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการยึดไว้ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ตำรวจไซเบอร์พบรีสอร์ตเป้าหมาย ซึ่งได้ปิดให้บริการช่วงโควิดและไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าพัก แต่มีกลุ่มชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาพักอาศัยและเข้าออกเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกต จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ กสทช. ตรวสอบข้อมูลการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยเรื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่ามีปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้เข้าพัก ซึ่งคาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนขอหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าทำการตรวจค้นและจับกุม

ทั้งนี้ ในห้วงหลายเดือนที่ผ่านม กสทช. ได้ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับจับกุม เสาสัญญาณ, สถานีโทรคมนาคม และสายเบิลข้ามแดนผิดกฎหมาย ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์บางส่วนจำเป็นต้องย้ายเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย การจับกุมนี้ครั้งนี้ ถือเป็นทำงานร่วมกันกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ควบคู่กับการปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเข้าข่ายความผิดฐาน “รบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุโทรคมนาคม” อันเป็นความผิด ตาม ม.26 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2498 ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดยจะนำของกลางที่ตรวจยึดได้ท้้งหมดไปตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่มในการดำเนินคดีในความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.4 ดำเนินการต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เขมร" สร้างสตอรี่อีกแล้ว "เตีย เซ็ยฮา" ส่งหนังสือ "บิ๊กเล็ก" ชวนไทยกลับสู่โต๊ะเจรจา ทำข้อตกลงหยุดยิงทันที
“เดชอิศม์” อดีตรมช.มหาดไทย ประกาศหยุดการเมือง
'ไทยก้าวใหม่'เปิดตัวหญิงแกร่งเมืองย่าโม “ทนายนา–ณัฐธยาน์” ชิง สส.โคราช เขต 1–2 ดร.เอ้ ขอแรงชาวโคราชหนุน
ป.ป.ช.อยุธยา ดึงเครือข่ายสานต่อโครงการเสริมพลัง STRONG ประชาชนถอนหมุดพื้นที่เสี่ยงทุจริต (ESPAC)
แผ่นดินไหว 6.0 แมกนิจูดเขย่าไต้หวัน
เริ่มแล้วประชุมกองเลขาฯ GBC ไทย–กัมพูชา ที่ด่านบ้านผักกาด จันทบุรี หารือ 3 ประเด็นหลักด้านความมั่นคง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​