อธิบดีกรมเจ้าท่าสั่งการให้เจ้าท่าตราดเร่งดูแลเรือน้ำมันที่อัปปางที่เกาะกูด ขณะเจ้าท่าตราดระบุเรือจมครึ่งลำ,รอเคลื่อนย้ายพร้อมล้อมป้องกันน้ำมันรั่ว

อ.เกาะกูด จ.ตราด/จากการที่เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ“ไทยแหลมทอง 8”เกยตื้น ที่บริเวณเกาะไม้ซี้เล็ก อ.เกาะกูด จ.ตราด(หน้าโรวแรมโซเนวาคีรี) ที่พิกัด ละติจูด 11° 42.63′ เหนือ ลองติจูด 102° 31.11′ ตะวันออก โดยมีลูกเรือ 10 นาย อยู่ในเรือ และปลอดภัยทุกคน เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วยังไม่สามารถนำเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าว

นายมานพ เหลืองอ่อน เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวแล้วได้ติดตามไปยังสถานที่เกิดเหตุ และเข้าไปตรวจสอบสาเหตุ ซึ่งพบว่า ท้องเรือมีรอบรั่ว และปัจจุบันน้ำเข้าไปในเรือบรรทุกน้ำมันทำให้น้ำเข้าไปในเรือบรรทุกน้ำมัน ซึ่งเมื่อไม่สามารถอุดรอยรั่วได้จึงทำให้เรือบรรทุกน้ำมันช่วงท้ายเรือจมลงไป ซี่งจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข และประสานให้เจ้าของบริษัทเข้าไปดำเนินการกู้เรือบรรทุกน้ำมันเนื่องเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะน้ำมันที่ยังค้างอยู่ในเรือบรรทุกน้ำมัน ทั้งนี้ได้ใช้ตัวบูมล้อมเรือบรรทุกน้ำมันไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกมา โดยวันนี้ ไม่มีคลื่นลมแรงเท่าใด จึลทำให้ทางเจ้าหน้าที่ศรชล.ตราดต้องเฝ้าระวังตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ

 

 

ทางด้านนายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้รับทราบจากเจ้าท่าตราดที่รายงานสถานการณ์ให้อย่างต่อเนื่องและได้สั่งการไปแล้วให้ดำเนินการป้องกันไม่ให้น้ำมันในเรือรั่วไหลออกมาเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับสภาพแวดล้อมของทะเลเกาะกูดเนื่องจากเกาะกูดเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามและสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดจึงต้องดูแลรักษาไว้

ความคืบหน้าล่าสุด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาตราด (กรมเจ้าท่า) ได้ รายงานสถานการณ์ว่า ในวันนี้(วันที่ 25กันยายน 2567)ทางบริษัทฯ เจ้าของเรือไทยแหลมทอง 8 ได้ประเมินสถานการณ์แล้วคลื่นลมสงบ และในเวลา 08.30 น. เริ่มปฏิบัติงานกู้เรือและสำรวจสภาพเรือ โดยมีเรือสนับสนุนการปฏิบัติงาน 2 ลำ ซึ่งแบ่งเป็น 2 งาน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนี้
1.สนับสนุนในการช่วยล้อมบูมรอบเรือ เพื่อป้องกันคราบน้ำมัน หากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล พร้อมพาคนประจำเรือของเรือไทยแหลมทอง 8 ไปเก็บสัมภาระของใช้ เอกสารเรือและสิ่งจำเป็นที่ยังคงไว้ที่เรือตอนสละเรือใหญ่

2.ปฏิบัติภารกิจสำรวจเรือและกู้เรือ ตั้งแต่วันที่ 23-26 กันยายน 2567 โดยระหว่างนี้เรือสนับสนุน จะคอยซับพอร์ตเหตุการ์ณหากเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีแผนการปฏิบัติงาน ดังนี้ คือ เรือวางบูมเข้าพื้นที่ และทิ้งสมอห่างจากจุดพื้นที่การทำงานอย่างน้อย 70 เมตร และส่งคนขึ้นฝั่งไปผูกเชือกรั้งบูม หัวท้าย พร้อมนำสมอบูมมาวางรั้งแนวตัวบูมให้เป็นท้องช้างเพื่อล้อมตัวเรือ และทำการลากบูมจากเรือบูมมาเข้าจุดและยึดบูมเข้ากับสมอและเชือก ทั้งนี้ ตรวจเช็คแนวบูมที่ล้อมเรือปรับแต่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อป้องกันเหตุ หากเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน

ในการปฏิบัติงานล้อมบูมและวางสมอยึดบูม จะใช้เรือยาง 140 แรง เป็นหลัก เพื่อคล่องตัวต่อการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งผลการปฏิบัติ สามารถทำการล้อมบูม รอบตัวเรืป้องกันเหตุหากเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตัวบูมกักและกางล้อมรอบตัวเรืออย่างสมบูรณ์ และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบคราบน้ำมันรั่วไหลออกจากตัวเรือแต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมแก้ปัญหาการเลี้ยงปลาสลิด ฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน
อบจ.นครฯ จัดอบรม “ร้อยลูกปัดมโนราห์” เสริมอาชีพ สร้างรายได้ 
จันทบุรี หยุดไม่อยู่แรงงานกัมพูชาทะลักกลับบ้านกว่า 3 หมื่นคน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดการประเมินศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา ระดับภาคตะวันออกและกรุงเทพมหานคร ประจำปีงบประมาณ 2568
นครนายก ชมรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 420 คน "ฮือไล่" นายอำเภอ ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชม.
"ภูมิธรรม" เผยตั้งทีมเอาผิดกัมพูชา ไม่ฟ้องศาลโลก เหตุเป็นคดีอาชญากรรมสงคราม ยังไม่สรุปผลรอฟังประชุม GBC คุยให้จบ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​