No data was found

ครม.เห็นชอบเพิ่มใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจ1 ล้านล้านบาท

กดติดตาม TOP NEWS

ครม.เห็นชอบมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติ “ศักยภาพสูง” พำนักระยะยาวในไทย ตั้งเป้าหมาย 5 ปี มีชาวต่างชาติฐานะเศรษฐกิจสูง ผู้เชี่ยวชาญ 1 ล้านคนในไทย เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านบาท

วันที่ 14 ก.ย. – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay) โดย มี 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ (1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ทั้งนี้ มาตรการ ฯ ประกอบด้วย 2 มาตรการหลัก คือ

 

1) การออกวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa) กำหนดวีซ่าประเภทใหม่ให้กับกลุ่มของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะได้ข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การยกเว้นให้ผู้ถือวีซ่าประเภท ผู้พำนักอาศัยระยะยาวและวีซ่าประเภท Smart visa ทั้งหมดไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบหากอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน

 

(2) การแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน การบริหารจัดการการทำงานและอนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานให้นายจ้างทั้งที่อยูในและนอกราชอาณาจักรได้ การยกเว้นหลักเกณฑ์การกำหนดให้การจ้างคนต่างด้าว 1 คน ต้องจ้างงานพนักงานคนไทยทำงานประจำ 4 คน การยกเว้นภาษีประเภทต่าง ๆ และระเบียบวิธีปฏิบัติด้านการศุลกากร

 

โดยคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ สศช. ดำเนินการหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า สศช. ได้คาดระยะเวลาดำเนินการมาตรการ ฯ ภายใน 5 ปีงบประมาณ (2565-2569) จะช่วยเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่พักอาศัยในไทย 1 ล้านคน เพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เพียงพอให้กับภาคธุรกิจที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ในประเด็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบคามที่สศช. เสนอให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ภาพรวมโครงการ ฯ ทุกๆ 5 ปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการถือของที่ดินก็ให้สิ้นสุดหลังจากวันที่เริ่มบังคับใช้แล้ว 5 ปี รวมทั้งให้ประเมินมาตรการต่างๆ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็สามารถพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปได้ตามความเหมาะสมด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ผบก.สืบภาค 8" บินด่วนลุยคลี่คดีฆ่าโหด "2 ตายาย" ยัดบ่อน้ำหน้าบ้านช่วงสงกรานต์
“พวงเพ็ชร” เผยรัฐบาลเตรียมจัดงาน เฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง" อย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ
ชลบุรี ปล่อยทุกข์โศกลงทะเล ใน ประเพณีแห่องค์พญายม หนึ่งเดียวในโลกที่บางพระ ชลบุรี
"บิ๊กต่าย" ยันเซ็นเองให้ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อม 4 ตร.ออกราชการไว้ก่อน มั่นใจมีอำนาจเต็ม
สรุปยอด 7 วันอันตราย "สงกรานต์" ดับ 287 ราย 3 จังหวัด อุบัติเหตุสูงสุด
"กกต." ประกาศระเบียบเลือก "สว." เผยอยู่ระหว่างรอประกาศราชกิจจาฯ
"สว.สมชาย" จี้กกต.ตัดตอนขบวนการฮั้วเลือกสว. หลัง "ธนาธร" ลงนครศรีฯ ปลุกระดมเครือข่ายสมัคร ชี้ส่อขัดกม.รัฐธรรมนูญ
เริ่มแล้ววันไหลสงกรานต์ ชาวนาเกลือ ประชาชนออกมาสาดน้ำกันอย่างคึกคัก การจราจรเป็นอัมพาต
คาร์แคร์ คึกคัก ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ คนแห่นำรถมาล้างดินสอพองแน่นร้าน
ดราม่าสนั่นโซเชียล ป้ายรถเมล์ไม่อัปเดต ปชช.พึ่งตัวเอง เขียนเส้นทางข้อมูลการเดินรถใหม่ ล่าสุด “สุริยะ” สั่งจัดการแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น