logo

ปู่วัย 81 เครียดหนัก ถูก “มิจฉาชีพ” หลอกโอนเงิน 22 ล้าน สมบัติที่เก็บมาทั้งชีวิต หายในพริบตา

ปู่วัย 81 เครียดหนัก ถูก "มิจฉาชีพ" หลอกโอนเงิน 22 ล้าน สมบัติที่เก็บมาทั้งชีวิต หายในพริบตา

 

ปู่วัย 81 เครียดหนัก ถูก “มิจฉาชีพ” หลอกโอนเงิน 22 ล้าน สมบัติที่เก็บมาทั้งชีวิต หายในพริบตา Top News รายงาน

 

มิจฉาชีพ

 

 

 

10 มิ.ย.2567 มีรายงานระบุว่า นายไพรสัณต์ จันทร์สุริยวงศ์ หรือคุณปู่อ๊อด วัย 81 ปี อดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังถูกมิจฉาชีพใช้กลอุบายตีเนียนหลอกว่า บัญชีของคุณปู่อ๊อด พัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ตนเองตกใจ ถูกมิจฉาชีพที่ปลอมมาทั้งในรูปแบบของการวิดีโอคอลเป็นตำรวจ โดยให้ทำตามขั้นตอน มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี หรืออายัดทรัพย์สิน จนหลงเชื่อโอนเงินให้กับมิจฉาชีพเป็นเงินสด 19 ล้านบาท หลังจากหมดตัวแล้วก็ยังถูก มิจฉาชีพใช้อุบายให้เอาบ้านไปจำนองขายฝากอีก 3 ล้าน รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 4 แสน 5 หมื่นบาท โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาท ที่เอาบ้านไปจำนองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังได้เงินจากการจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท ตนเองก็ได้โอนเงินให้กับมิจฉาชีพไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22 ล้านบาท

 

ปู่อ๊อด เล่าเรื่องราวอันแสนเศร้าที่เกิดขึ้นกับตนเองว่า ภรรยาตนเองเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตนเองมีลูกชายเพียงคนเดียวชื่อนายนีรนาท จันทร์สุริยวงศ์ หรือโอ๊ด อายุ 43 ปี ทำงานอยู่บริษัทตลาดทรัพย์ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังเกษียณอายุแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เนื้อที่ 83 ตารางวา ที่อยู่ในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี มาด้วยดีมีความสุข

จนเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 67 ช่วงเวลา 14.30 น. ได้มีโทรศัพท์เบอร์มือถือ (09-8563-6881) โทรเข้ามาเป็นเสียงผู้ชายแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ แจ้งว่าตนเองถูกแอบอ้างนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาอยุธยาพาร์ค ถูกตรวจบัญชีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ซึ่งทางธนาคารได้ติดต่อประสานงานไปยัง สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ตำรวจส่งใบรับรองการแจ้งความมายังธนาคารสำนักงานใหญ่ ภายใน 2 ชั่วโมง

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมามิจฉาชีพได้โทรศัพท์ มาอ้างว่าเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี เป็นสารวัตรสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า มีการทุจริตในหน่วยงานราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเงิน 11 ล้านบาท โดยมีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ -ผู้น้อยกว่าร้อยคน และได้นำเงินจากการทุจริตมาฝากผ่านบัญชีธนาคารของตนเอง โดยมิจฉาชีพแจ้งว่า ตนเองจะได้เงินผ่านบัญชี 10% ของเงินทั้งหมด และเงินที่อยู่ในบัญชีจะต้องเป็นของกลางในคดีอาญา ซึ่งทางมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นตำรวจ เห็นว่าตนเองมีอายุมากแล้ว หากต้องไปให้การสอบสวนที่โรงพักจะลำบาก เลยแนะนำให้ทำตามขั้นตอน ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ นอกจากนี้ยังอ้างถึงคำสั่ง ป.ป.ช. ส่งรายชื่อข้าราชการระดับ 9 และระดับ 8 ของ ป.ป.ช. มา

โดยมิจฉาชีพที่ปลอมเป็นตำรวจ บอกว่า ถ้าตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะโอนเงินคืนทั้งหมด โดยมีเงื่อนไข คือ 1.ต้องเสียเงินอีก 4 ล้าน 2 แสนบาท ให้กับทางราชการ เพื่อวางค้ำประกันทรัพย์สินที่โอนมา โดยบอกว่า พันตำรวจตรี พนักงานสอบสวน และร้อยเวร จะช่วยใช้ตำแหน่งค้ำประกันให้ครึ่งหนึ่ง 2 ล้าน 2 แสนบาท และให้ไปหาเงินมา 2 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหนเพราะหมดตัวแล้ว จึงได้ติดต่อลูกชาย ที่ทำงานตลาดหลักทรัพย์ ประเทศสิงคโปร์

ลูกก็เลยเอ๊ะใจ เชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกจนหมดตัวแล้ว วันรุ่งขึ้นลูกชายก็รีบบินกลับมาหาตนเอง และนำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เมืองทองธานี

ปู่อ๊อด บอกว่า สูญทั้งเงิน และกำลังจะสูญบ้าน ใน 1 ปี และเสียสุขภาพจิต กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลด ต้องกินยาแทบจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อยากจะฆ่าตัวตาย ก็อยากให้ตำรวจช่วยติดตามเงิน และบ้านที่เสียไปกลับคืนมาให้ด้วย

ขณะที่นายนีรนาท ลูกชายเพียงคนเดียวของปู่อ๊อด เปิดเผยว่า รู้สึกโมโห เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมถึงมาหลอกจนหมดตัว อยากขอร้องพวกคอลเซ็นเตอร์ว่าอย่ามาทำกินบนหลังคนเลย ขอให้มีความเมตตา สงสารผู้คนบ้าง ขอให้หยุดการกระทำ พร้อมทั้งอยากให้ตำรวจ สอท. เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะว่าคุณพ่อก็อายุมากแล้ว ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้ว ถ้าเกิดเจ็บป่วยก็จะลำบาก และก็ฝากถึงธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้เกี่ยวข้อง เพราะในกรณีแบบนี้ทางธนาคารทั้งหลาย สามารถใช้ระบบ RIP ตรวจสอบได้ ถ้าเกิดว่าหากได้รู้จักลูกค้าโดยดีแล้ว จะสังเกตได้ว่าจำนวนเงินในบัญชีของลูกค้าเข้า-ออก กับรายได้ของลูกค้ามีความแตกต่างกันมาก

 

เพราะฉะนั้นทางธนาคารจะใช้ระบบ IT เพื่อตรวจจับความผิดพลาด หรือตั้งข้อสังเกตว่ามีเงินเข้า-ออก เป็น 10 เท่าของรายได้ น่าจะหยุดธุรกรรมไว้ จนกว่าทางเจ้าของบัญชีจะมาแจ้งอีกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันให้ลูกค้า ไม่ใช่ให้เจ้าของบัญชีสูญเสียเงิน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ มิเช่นนั้น ก็จะมีประชาชนคนสุจริตที่ทำงานเก็บเงินมาช่วยชีวิต ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกไม่มีวันสิ้นสุด

 

ขณะที่พันตำรวจเอก พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์ เปิดเผยว่า ทางโรงพักได้รับแจ้งความเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวัน และจะดำเนินการยื่นหนังสือยืนยันไปยังทางต้นสังกัดของทางธนาคาร ว่าได้เกิดเหตุดังกล่าวจริง เป็นการรับรองให้ทางธนาคารดำเนินการระงับเงินที่ถูกโอนไปยังปลายทาง อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน 22 ล้านบาท จึงต้องส่งเรื่องให้กับทางกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบติดตามตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดี ส่วนเรื่องจำนวนเงินที่ถูกโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ยังยืนยัน หรือรับรองไม่ได้ ว่าจะได้เงินกลับมา เนื่องจากเงินได้ถูกโอนไปยังบัญชีอื่นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเกิดเหตุมาแล้วหลายวัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" ชื่อนี้มีที่มา ลุ้นเป็น "มรดกโลก" แห่งที่ 8 ของประเทศไทย
สถานทูตฯ เตือนคนไทยในฝรั่งเศส ระวังตัว หลังเกิดเหตุวินาศกรรมเผาเส้นทางรถไฟ
จนท.เฝ้าระวัง "น้ำป่า" ไหลหลากผ่ากลางโรงเรียน หวั่นอาคารถล่ม วิกฤติซ้ำซ้อน เด็กนร. โดนไฟช็อต เร่งหามส่งรพ.ด่วน
"อ.อ๊อด" ค้านใช้ไซยาไนด์กำจัด "ปลาหมอคางดำ" หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม
โปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระราชาคณะ 5 รูป วัดโพธิ์
สุดเศร้า "เบนซ์ ธนธิป" อดีตนักแสดง เสียชีวิตแล้ว หลังตกเตียงผู้ป่วย
"สหกรณ์ฯพรหมคีรี" เตรียมรับมือมังคุดทะลัก มั่นใจราคาไม่ตกเหตุสมาชิกทำมังคุดคุณภาพ
"กรมที่ดิน" ผนึกกำลัง 7 หน่วยงาน เร่งออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ
"พิพิธภัณฑ์บัญชา" เปิดให้ชมภาพ "พระราชกรณียกิจ" ของ "ในหลวง" ที่หาชมยาก กว่า 500 ภาพ
"รักทุกวัน รักตลอดไป" Top News ส่ง CIB LOVE CARD คืนสู่มือสอบสวนกลาง ขึ้นทูลเกล้าถวายในหลวง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น