logo

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 6 เดือน “สนธิญา” หมิ่น “เสรีพิศุทธ์” รอลงอาญา 2 ปี

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก "สนธิญา" ให้สัมภาษณ์หมิ่น ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ 6 เดือน ปรับ 5 หมื่น แต่ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี แต่ปรับแก้ให้ยกฟ้อง ฐานแจ้งเอกสารเท็จ

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 6 เดือน “สนธิญา” หมิ่น “เสรีพิศุทธ์” รอลงอาญา 2 ปี – Top News รายงาน

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก

 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1114/2564 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร.และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

 

กรณีเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2564 นานสนธิญา จำเลย ได้ยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหาว่าโจทก์ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 326 และ 328 และนับโทษต่อจากหมายเลขดำ อ.590/2563 ของศาลแขวงดุสิต เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.และทั่วราชอาณาจักร

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาหมิ่นประมาท ให้ประทับฟ้องในข้อหาดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างการพิจารณา จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ ศาลสั่งสืบเสาะก่อนมีคำพิพากษา

 

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 ว่า จำเลยมีความผิดฐานแจ้งเอกสารเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 326 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่นายสนธิญาไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเลื่อนมาฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ในวันนี้      โดยช่วงเช้า นายสนธิญา พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัด ส่วนโจทก์มีเสมียนทนายความมาฟังคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาแล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ในทำนองว่า จำเลยกระทำผิดในลักษณะเดียวกันแบบซ้ำซาก โดยไม่ยำเกรงกฎหมาย จำเลยไม่พยายามบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน เห็นว่า แม้ศาลแขวงดุสิตมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 326 อันเป็นความผิดในลักษณะเดียวกับคดีนี้ แต่ข้อเท็จจริงที่จำเลยร้องเรียนโจทก์ในคดีดังกล่าว ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับคดีนี้ เมื่อพิจารณารายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว จำเลยให้ถ้อยคำว่าสำนึกผิดในการกระทำและจะทำหนังสือถึงทุกหน่วยงานที่จำเลยเคยร้องเรียนโจทก์ โดยจะเผยแพร่ข่าวผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กและไลน์ส่วนตัว และแจ้งไปยังสำนักงานข่าวทุกสำนักเพื่อชี้แจงและกล่าวขอโทษโจทก์ ทั้งจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโจทก์ทุกเรื่อง ซึ่งเป็นการแสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยำเกรงกฎหมายและสำนึกในการกระทำผิดของตน

 

การที่จำเลยให้การรับสารภาพก่อนสืบพยานโจทก์ จึงไม่ใช่การรับสารภาพเพราะจำนวนต่อหลักฐาน แต่เป็นกรณีที่จำเลยลุแก่โทษอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 วรรคสอง ประกอบกับจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน

ที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษ จึงเป็นดุลพินิจที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรลงโทษจำคุกจำเลย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น อนึ่งที่ศาลยกฟ้องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ต่อมาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์เห็นควรแก้ไขให้ถูกต้องเห็นสมควรยกฟ้อง และที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 มาด้วยนั้นไม่ถูก เนื่องจากความผิดฐานหมิ่นประมาท เมื่อจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แล้ว ก็ไม่จำต้องปรับตามมาตรา 326 อีก นอกจากนี้ที่แก้ให้ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสนธิญากล่าวว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแก้ให้ยกฟ้องมาตรา 137 ที่โจทก์ฟ้องว่าตนนำเอกสารเท็จมาแจ้งต่อระบบราชการ นอกจากนั้นแล้วศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้โกรธเคือง แต่มีความเคารพนับถือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ส่วนจะฎีกาคดีอีกหรือไม่ก็อยู่ที่ฝ่ายโจทก์ ซึ่งตนเองมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"มอเตอร์เวย์ ฟรี" วันหยุดยาว วันเฉลิมพระชนมพรรษา เช็กจุดที่นี่
ทั่วไทยเจอฝนฟ้าคะนอง 17 จว.อ่วม ฝนถล่ม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ก็โดนด้วย
เพจกล้าที่จะก้าว นำเหยื่อ “แชร์ลูกโซ่ธุรกิจออมทอง” เข้าร้องเรียน ดีเอสไอ ภาค 1 หลังโดนโกงสูญเงินนับร้อยล้าน
"บิ๊กอุ้ม" ลุยบุรีรัมย์กับ "กสศ." แก้ปัญหาเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา มอบ "สกร." ตามเด็กถึงบ้าน ตั้งเป้าเทอม 2/2567 "บุรีรัมย์เด็กดร็อปเอาต์เป็นศูนย์"
"อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" ชื่อนี้มีที่มา ลุ้นเป็น "มรดกโลก" แห่งที่ 8 ของประเทศไทย
สถานทูตฯ เตือนคนไทยในฝรั่งเศส ระวังตัว หลังเกิดเหตุวินาศกรรมเผาเส้นทางรถไฟ
จนท.เฝ้าระวัง "น้ำป่า" ไหลหลากผ่ากลางโรงเรียน หวั่นอาคารถล่ม วิกฤติซ้ำซ้อน เด็กนร. โดนไฟช็อต เร่งหามส่งรพ.ด่วน
"อ.อ๊อด" ค้านใช้ไซยาไนด์กำจัด "ปลาหมอคางดำ" หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม
โปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระราชาคณะ 5 รูป วัดโพธิ์
สุดเศร้า "เบนซ์ ธนธิป" อดีตนักแสดง เสียชีวิตแล้ว หลังตกเตียงผู้ป่วย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น