“อธิบดีกรมราชทัณฑ์” เตรียมไล่กล้องวงจรปิด พิสูจน์ไทม์ไลน์ “บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิต ย้ำทีมแพทย์ดูแลอย่างเต็มที่ทุกขั้นตอน Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีที่น.ส.เนติพร หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง เสียชีวิตเมื่อเวลา 11.22 น.ของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังอดอาหารประท้วงมานาน 110 วัน โดยโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ส่งตัวมารักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากหัวใจหยุดเต้น แพทย์ได้ปั๊มหัวใจและส่งตัวรักษา
ต่อมาทางด้านนพ.สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนางอาจารี ศรีสุนาครัว ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และนพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แถลงด่วน เพื่อชี้แจง
ล่าสุดวันนี้ (16 พ.ค.) นายสหการณ์ เพ็ชร์นรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีถึงน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง กลุ่มทะลุวัง เสียชีวิต ช่วงเช้า วานนี้(15พ.ค.) ว่า ผลการชันสูตรพลิกศพของ น.ส.เนติพร กรมราชทัณฑ์ ยังไม่ได้รับมาจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ แต่กรมราชทัณฑ์ได้ประสานอย่างต่อเนื่องกับแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เนื่องจากทราบว่ามีกระบวนการพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการตัดเอาชิ้นส่วนอวัยวะ ชิ้นเนื้อเยื่อเพื่อเข้าตรวจสอบภายในห้องแล็บ ถือเป็นกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปวิเคราะห์และประมวลผล คาดว่าอาจต้องใช้เวลา
ส่วนที่มีรายงานว่าโรงพยาบาลรามาธิบดีได้นำเอาสารคัดหลั่งและเลือดไปตรวจสอบ ตรงส่วนนี้ขึ้นอยู่กับทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ว่าจะมีการประสานขอความร่วมมือ ขอรับการสนับสนุนกับสถานพยาบาลแห่งใดสำหรับการตรวจเพิ่มเติมหรือไม่
นายสหการณ์ เผยอีกว่า สำหรับผลการตรวจชันสูตรพลิกศพจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ หากมีการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วทางกรมราชทัณฑ์ก็จะได้รับทราบในทุกรายการ คาดว่าอาจใช้เวลาไม่ถึงเดือน หรืออาจจะใช้เวลาประมาณ 15 วันก็จะได้รับทราบผล ส่วนผลที่เราจะได้รับทราบ อาทิ ค่าตับ ค่าไต ภาวะของกระเพาะอาหาร เส้นเลือดต่างๆภายในร่างกาย เป็นต้น เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเจ้าตัวมีโรคกระเพาะร่วมด้วยหรือไม่ก่อนที่จะมีการเสียชีวิต
ส่วนผลการชันสูตรพลิกศพจะช่วยคลี่คลายข้อสงสัยในทุกประเด็นได้ กรมราชทัณฑ์จะมีการแถลงชี้แจงเพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อมูลครบถ้วน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานว่า กระบวนการช่วยชีวิต น.ส.เนติพรนั้น ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาของแพทย์ทุกประการ เนื่องจากเวลามีผู้ต้องขังป่วยเข้ามาที่เรือนจำหรือทัณฑสถาน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ประจำจุดก็มีหน้าที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการประสานกับแพทย์ประจำเรือนจำเข้าไปทำการตรวจเลือด วัดค่าความดันโลหิต ตรวจค่าออกซิเจนปลายนิ้วมือ เพื่อที่จะดูว่าผู้ป่วยรายนั้น ๆ มีอาการอย่างไรบ้าง มีสภาวะวิกฤติหรือไม่ เพื่อจะได้มีแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง
สำหรับน.ส.เนติพร ที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีอาการที่บ่งชี้ถึงการจะเกิดภาวะวูบหมดสติอย่างกะทันหัน เนื่องจากค่าออกซิเจนและค่าความดันมีความปกติ ขณะเดียวกันในเช้าวันที่ 14 พ.ค. ก่อนที่บุ้งจะเสียชีวิตพบว่ามีการพูดคุยปกติกับ น.ส.ทานตะวัน บนเตียงผู้ป่วย อีกทั้งจากที่ตนได้รับรายงาน บุ้งได้มีการรับประทานตามปกติ ตามหลักโภชนาการ เช่น อาหารอ่อน นม และอาหารเสริม แต่ก็ไม่ได้บังคับ หากเจ้าตัวจะรับประทานก็หยิบทานได้ แต่ถ้าไม่ทาน ก็ไปบังคับไม่ได้ แต่ก็ได้มีการแนะนำว่า ควรรับประทาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่บุ้งอดอาหารและน้ำมาเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน เกลือแร่ ส่งผลต่อระบบร่างกายโดยรวมได้ แต่บุ้งก็ได้ปฏิเสธชัดเจนถึงการรับสารอาหารและวิตามินทางหลอดเลือด
เมื่อถามว่า ก่อนบุ้งจะเกิดการวูบหมดสติจนถึงขั้นเสียชีวิตดังกล่าว มีอาการปวดท้อง ปวดโรคกระเพาะ หรือปวดลักษณะคล้ายไส้ติ่งมาก่อนหรือไม่ นายสหการณ์ บอก ได้รับรายงานว่าในลักษณะที่บุคคลใดมีการอดอาหารมาเป็นระยะเวลานาน น้ำย่อยภายในกระเพาะหากออกมาแล้วไม่ได้ย่อยอาหารก็จะย่อยกระเพาะตัวเอง ซึ่งแพทย์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้มีการให้บุ้งทานยาลดกรดเกินในกระเพาะอาหารแล้ว เป็นการรักษาตามอาการ
ส่วนน.ส.ทานตะวัน ตอนนี้ได้กลับมารับประทานอาหารตามปกติแล้ว และอยู่ในการดูแลของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ส่วนนายแฟรงค์ ณัฐนนท์ ผู้ต้องขังอีกราย ก็ได้กลับมารับประทานอาหารเช่นเดียวกัน และปัจจุบันอยู่ในการดูแลของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ส่วนที่กรมราชทัณฑ์จะป้องกันอย่างไรหลังจากนี้ นายสหการ กล่าวว่า จะต้องรักษาตามอาการและติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็จะต้องโน้มน้าวให้กลับมารับประทานอาหาร หรืออย่างน้อยก็รับวิตามินและเกลือแร่ แต่ถ้าเจ้าตัวยังคงปฏิเสธยึดมั่นในเจตนารมณ์อุดมการณ์ ก็คงจะต้องรักษาไปตามอาการ และพร้อมให้ความช่วยเหลือทันทีหากพบภาวะวิกฤตเกิดขึ้น ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องขังจะประกาศอดอาหารและน้ำ แต่ราชทัณท์ก็ไม่ได้ละเลย
นายสหการณ์ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการออกข่าวแจกสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงในทุกประเด็นข้อสงสัย และต้องขออภัยสื่อมวลชนทุกท่านจากการแถลงข่าววานนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ (นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์) ไม่ได้เป็นเจ้าของไข้โดยตรง จึงอาจยังตอบรายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ และตนเองได้สั่งการให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้องผู้ป่วยของบุ้งและตะวันทุกจุด ทุกเวลา เพื่อดูว่าในช่วงเวลาการเกิดเหตุ บุ้งมีอาการอย่างไร และตะวันอยู่จุดไหนอย่างไร แล้วจะได้นำมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านเอกสารเพื่อให้เกิดการคลายข้อสงสัยทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น