จากการณีที่กำลังเป็นประเด็น หลังสื่อโซเชียลมีเดีย มีการส่งต่อข้อมูลและแชร์บนโลกออนไลน์ว่า มีประชาชนถูกแจ้งความดำเดิดคดี เพราะไม่ใส่หน้ากากอนามัยขณะขับรถ ซึ่งเหตุดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของอำเภอบางปะหัน จังหวัดอยุธยา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
โดยทีมข่าว TOPNEWS ได้ติดต่อสอบถาม ร้อยตำรวจตรีหญิงสายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน ถึงกรณีที่เกิดขึ้นผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งนายอำเภอบางปะหัน ได้ชี้แจงกับทีมข่าว โดยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ ตนเองเห็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดบางปะอิน ทำการร้องเรียนผ่านกลุ่มเพจเรารักบางปะหัน ว่ามีพ่อค้าวัยรุ่น 2 คนที่ขายกะทิสดภายในตลาดสดบางปะหัน ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยปิดจมูก จึงได้ให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เข้าไปตรวจสอบ ทราบว่าทั้ง 2 คนไม่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยจริง โดยอ้างว่าในช่วงเวลาดังกล่าวที่ร้านไม่มีลูกค้า จึงเกิดการลืมตัว ตนเองจึงได้ให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 พาทั้ง 2 คนไปดำเนินคดีที่สภ.บางปะหัน อีกทั้งทั้ง 2 คนเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านเองสามารถยืนยันได้ว่า วัยรุ่นทั้ง 2 คน ทำผิดจริง และที่ต้องดำเนินคดี และเปรียบเทียบปรับ เพราะหากไม่ทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากจะเป็นข้อครหาให้กับประชาชนแล้ว ยังทำให้ฝ่ายปกครองท้องถิ่นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อหาตามความผิดฐาน ไม่สวนหน้ากากอนามัย ประกอบมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบคำสั่งผู้ว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1779/2563 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นความผิดคำสั่งของจังหวัดประกอบประกอบพรบ.มาตรา 51
ส่วนขอกฎหมายการเปรียบเทียบปรับ ที่มีการเสียค่าปรับ 500 บาทนั้น ตามข้อกฎหมาย พรบ.มาตรา 51 ระบุไว้ว่าการเปรียบเทียบปรับ กรณีที่เป็นหารปรับสถานเดียว สามารถให้ผู้มีอำนาจทางกรมควบคุมโรค มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ ซึ่งในส่วนนี้ ทางผบช.ภ.1 จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอีกครั้งในวันนี้
ทั้งนี้นายอำเภอบางปะหันยังได้ยืนยันว่า กรณีที่เกิดเป็นกระแสสังคมนั้น ไม่เป็นความจริง และทางฝ่ายปกครอง ได้ทำตามระเบียบข้อกฎหมายอย่างถูกต้องและชัดเจนมาโดยตลอด
