อิสราเอลผ่านกฎหมายให้อำนาจนายกฯปิดสำนักข่าวอัลจาซีราในประเทศ ชี้เป็นช่องของผู้ก่อการร้าย
เมื่อวันจันทร์ สมาชิกสภานิติบัญญัติอิสราเอลได้ลงคะแนนเสียง 70 ต่อ 10 ผ่านกฎหมาย ให้อำนาจรัฐมนตรีระดับสูงสั่งระงับการออกอากาศของช่องสำนักข่าวต่างประเทศ รวมถึงสามารถสั่งปิดสำนักงานข่าว หากเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศผ่านบัญชีเอ็กซ์ของตนว่า ช่องอัลจาซีราของผู้ก่อการร้าย จะไม่สามารถออกอากาศในอิสราเอลอีกต่อไป เขาตั้งใจที่จะดำเนินการทันทีตามกฎหมายใหม่ เพื่อหยุดการดำเนินงานของช่อง
หลังจากกฎหมายนี้ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง นางคารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความเห็นว่า หากมันเป็นเรื่องจริง การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากังวล ด้านคณะกรรมการปกป้องนักข่าว ในนิวยอร์กกล่าววิจารณ์กฎหมายนี้ในคำแถลงว่า การให้อำนาจผู้นำ สั่งปิดสำนักข่าวต่างประเทศ ยิ่งสร้างบรรยากาศของการปิดกั้นสื่อ และความเป็นศัตรูกับสื่อมวลชน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาเริ่มต้น
การออกคำสั่งดังกล่าว ถือเป็นความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นครั้งใหม่ ระหว่างรัฐบาลอิสราเอลกับสำนักข่าวอัลจาซีรา ซึ่งอิสราเอลอ้างเมื่อเดือนมกราคมว่า นักข่าวของเจ้าหน้าที่อัลจาซีราและฟรีแลนซ์คนหนึ่งที่เสียชีวิต จากการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซานั้น เป็นสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการก่อการร้าย ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์ นักข่าวอีกคนหนึ่งของช่อง ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอล ก็ถูกกล่าวหาว่า เป็นรองผู้บัญชาการของฮามาส ซึ่งอัลจาซีราปฏิเสธข้อกล่าวหาของอิสราเอลอย่างรุนแรง และกล่าวหาอิสราเอลว่า จงใจเล็งเป้าไปที่นักข่าวอัลจาซีรา โดยมีการวางแผนไว้
นอกจากนี้นายวาเอล อัล-ดาห์ดูห์ หัวหน้าสำนักข่าวอัลจาซีราในดินแดนปาเลสไตน์ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ในการโจมตีของอิสราเอลเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งครั้งนั้นช่างภาพเสียชีวิต อีกทั้งทำให้ภรรยาของเขา รวมถึงลูกสองคน และหลานชายหนึ่งคน เสียชีวิต ในการทิ้งระเบิดค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตในฉนวนกาซาเมื่อเดือนตุลาคม ในขณะที่ลูกชายคนโตของเขา คือนักข่าวของอัลจาซีราที่ถูกสังหารเมื่อเดือนมกราคม
ทั้งนี้ อัลจาซีรา ซึ่งขนานนามตัวเองว่า เป็นช่องข่าวอิสระแห่งแรกในโลกอาหรับ เริ่มออกอากาศในกรุงโดฮา กาตาร์ ในปี 2539 โดยมีสำนักงานมากกว่า 70 แห่งทั่วโลก ประกอบด้วยนักข่าวมากกว่า 3 พันคน จากกว่า 95 ประเทศ และเข้าถึงครัวเรือนมากกว่า 430 ล้านหลัง