No data was found

“อานนท์ นำภา” หน้าซีด เงินบริจาคหายเกลี้ยง โวยลั่นโมบายแบงกิ้งถูกแฮก ชาวเน็ตแห่ชี้เป้า คนที่น่าสงสัยสุด

กดติดตาม TOP NEWS

“อานนท์ นำภา” หน้าซีด เงินบริจาคหายเกลี้ยงบัญชีแสนกว่าบาท โวยลั่นโมบายแบงกิ้งถูกแฮก ด้านชาวเน็ตแห่ชี้เป้า คนที่น่าสงสัยมากที่สุด

“อานนท์ นำภา” หน้าซีด เงินบริจาคหายเกลี้ยง โวยลั่นโมบายแบงกิ้งถูกแฮก ชาวเน็ตแห่ชี้เป้า คนที่น่าสงสัยสุด – Top News รายงาน

อานนท์ นำภา

(15 มี.ค. 67) โวยวายลั่นเรือนจำ สำหรับนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดี ม.112 หลังเงินบริจาคหายเป็นแสน โดยเฟซบุ๊กของอานนท์ ได้โพสต์ข้อความว่า ล่าสุดมาอั๊พบุ๊ค เงินทั้งบัญชีเหลือ 0 จากยอด 144,695 บาท แปลว่าแอพถูกแฮคได้จริงๆ แม้จะต้องสแกนใบหน้า เพื่อลงทะเบียนในเครื่องมิจฉาชีพก็ตาม เรื่องใหญ่มากจริงๆ ธนาคารบอกว่า เจ้าตัวต้องมาติดต่อเองในทุกๆเรื่อง แม้มีใบมอบอำนาจมาจัดการบัญชี ตลกมากนะ โดนมิจฉาชีพปล้น แต่เช็คอะไรไม่ได้เลย

ต่อมา แอดมินโพสต์ยาวเลยค่ะทีนี้ บอกว่า To be clear อธิบายเรื่อง app ธนาคารถูกแฮคอีกรอบ เพื่อคนที่ไม่เข้าใจ เข้าใจผิด ไม่ได้อ่านแต่ต้น ขอให้เข้าใจตรงกันก่อน มัน “เรียกว่าดูดเงินไม่ได้” มันไม่ใช่การมี sms แจ้งเตือน ว่าเงินคุณโดนโอนออกไปหาใคร แต่มันคือ “การลงแอพธนาคารในอีกอุปกรณ์หนึ่ง และโอนเงินเข้าบัญชีอื่น” หากดูในสมุดก็จะเห็นว่า เหมือนการโอนเงินให้ใครบางคนทั่วๆ ไป ไม่ได้มีพิรุธอะไร แต่หากไปดูเส้นทางการเงินในเชิงเทคนิค ทั้งการเข้าใช้แอพ การล๊อคอิน อุปกรณ์ที่ใช้ บัญชีที่ถูกโอนไป ก็จะกระจ่างมากขึ้น แต่แอดทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ธนาคารยืนยันจะให้ข้อมูลกับเจ้าของบัญชีเท่านั้น แม้มีใบมอบอำนาจมา ก็ไม่ได้ เราทำได้เพียงมาอัพเดทสมุดให้ ทำให้รู้ว่าเงินถูกโอนออกไปหมดแล้ว เราจึงต้องแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจออกหมายเรียกเอกสารเหล่านั้น โดยตำรวจแจ้งว่าอาจใช้เวลา 1 เดือน – 1เดือนครึ่ง

เรื่องที่เกิดขึ้นคือ มิจฉาชีพลงทะเบียนเข้าแอพธนาคารได้สำเร็จ ทำให้เจ้าของเดิมเข้าใช้งานไม่ได้อีกต่อไป (เพราะลงทะเบียนได้ทีละเครื่อง) แอดใช้คำว่าสำเร็จ เพราะมีการเปลี่ยน pin 6 หลัก พอเขาเป็นเจ้าของแอพแล้ว เขาจะทำอะไรกับบัญชีก็ได้เลย เสมือนเป็นเจ้าของบัญชี แอดเข้าถึงแอพที่เป็นชื่ออานนท์ นำภา ไม่ได้อีกต่อไป (แม้ตอนนี้จะอายัดไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค. มันก็ไม่ทันแล้ว)

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ การลงทะเบียนแอพธนาคารอย่างที่ทุกคนทราบ มันต้องใช้รายละเอียดตามบัตรประชาชน เลขบัตร วันเกิด เบอร์โทรที่ผูกกับบัญชีไว้ เพื่อรับ OTP และสุดท้ายสแกนใบหน้าผู้ใช้

หลังไปแจ้งความมาแล้ว จะขออธิบายอีกรอบ รอบเดียวรอบสุดท้าย เข้าใจทุกๆคนมีคำถามเยอะมากๆ 13 มี.ค. วันทั้งวัน ปกติแอดจะโอนเงินค่าซื้อของเข้าเรือนจำให้ญาติๆและเพื่อนๆที่มาเบิกเงิน โดยจะโอนแบบนี้ทุกวัน เพราะมีการซื้อของทุกวัน เพื่อช่วยเหลือคนราว 30 คน ราวๆ 6-8 รายการโอนเงิน เวลาประมาณ 5 โมง มี sms จากธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่เราใช้ซื้อของ แจ้งขอ OTP เข้ามาในข้อความมือถือ 2 ครั้ง

แอดเข้าใจว่า มันคือการพยามลงทะเบียนติดตั้งแอพธนาคาร ในอุปกรณ์อีกเครื่อง โดยไม่ทราบเลยว่าใครทำ แต่แอดรู้ว่าการลงแอพอีกเครื่อง มันทำไม่ได้ เพราะมันลงได้ทีละเครื่อง และถ้าจะลงแอพใหม่ จำเป็นต้องมี เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด รหัส OTP และการสแกนใบหน้า แอดไม่เชื่อว่ามิจฉาชีพจะผ่านการสแกนใบหน้าได้

เวลาราว 4 ทุ่ม แอดจะเข้าแอพ เพื่อโอนเงินยอดสุดท้ายให้ญาติ ที่ส่งสลิปมาเบิกเงิน เมื่อกดเข้า pin 6 หลัก ขึ้นว่ารหัสผิด ก็คือมีการเปลี่ยนรหัสไปแล้วนั่นแหละ แอพถูกลงในเครื่องอื่นไปแล้ว และเมื่อเรากดรหัสครบ 3 ครั้งแล้วมันผิด ทั้งที่เป็นรหัสเดิมของเราเอง มันก็จะดีดเราออกทันที ทำให้เราต้องลงทะเบียนเข้าใช้แอพใหม่อีกครั้ง ปัญหาคือ แม้ว่าเราจะมีรายละเอียดส่วนตัวของอานนท์ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการสแกนหน้า เราไม่มีทางผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ เพราะเราไม่ใช่อานนท์ กว่าจะติดต่อ call center เพื่ออายัดบัญชีได้ ก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีแค่นี้เลย แอดเข้าแอพไม่ได้อีกต่อไป เพราะติดขั้นตอนการสแกนใบหน้า แต่มิจฉาชีพลงทะเบียนได้สำเร็จในอุปกรณ์ใด วิธีใดก็ไม่รู้แน่ชัด

ใช่ เพกาซัสมั้ย? แอดไม่ทราบต้องเอามือถือส่งตรวจอีกที แต่เพกาซัสไม่ได้เอาไว้ขโมยเงิน มันเอาไว้ขโมยข้อมูลโดยรัฐ เน้นใช้โดยรัฐ สอดส่องการเคลื่อนไหวนักกิจกรรม ไม่ได้มายุ่งย่ามกับเงิน อานนท์เคยถูกโปรแกรมนี้สอดส่อง ในช่วงเวลาที่การชุมนุมอยู่ในกระแสสูง เราช่วยเหลือเพื่อนๆในเรือนจำจำนวนมาก มีเงินจำนวนมากในบัญชีมากกว่านี้หลายเท่า แต่เงินไม่หายซักบาทเดียว ถ้ารัฐจะคุกคามเรา แค่แจ้งอายัดบัญชี เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ต้องลงทุนมาติดตั้งแอพธนาคารในอุปกรณ์ใหม่ และโอนเงินออก

แอดคิดว่าแอดได้พยามปกป้องเงินที่ทุกคนช่วยกันหามาอย่างยากลำบาก ด้วยการพยามใช้จ่ายอย่างโปร่งใส แจกแจงได้ แต่การแฮคแอพมันสุดวิสัยเกินไป การผ่านระบบยืนยันตัวตนของธนาคารได้ทุกระบบมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้

สำหรับคนที่มากล่าวหาว่าแอดเอาเงินไปเองมั้ย เส้นทางการเงินมันตรวจได้หมดอยู่แล้ว ว่าเงินที่หายไปหายไปไหน แต่แอดไม่มีสิทธิ์พิสูจน์ เพราะเข้าถึงอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่อะไรที่ไม่ใช่ความจริง ก็คือไม่ใช่ แอดคงไม่ไปตอบหรืออธิบาย เพราะที่พูดไปข้างต้นก็พอสมควรแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อนุทิน” ประกาศคืนชายหาดเลพังให้ชาวภูเก็ต หลังกรมที่ดินต่อสู้ ยืดเยื้อกับผู้บุกรุก
ไถ่ชีวิตควายเกือบ 400 ชีวิตรอดพ้นโรงเชือดวันเกษตรกรไทย
ตร.กองปราบปราม รวบลูกครึ่งอังกฤษ ขนทัวร์ให้คะแนนร้านอาหารภูเก็ต 1 ดาว ไม่พอใจเดินผ่านเข้าห้องพักไม่ได้
นายอำเภอบางละมุง เตือนประชาชนและผู้ประกอบการ ระวังมิจฉาชีพ หลังถูกปลอมไลน์ เตรียมรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
กล้องหน้ารถจับภาพ! รถทัวร์เบียดจักรยานทำนักท่องเที่ยวต่างชาติแขนหัก
นักเรียนภาคเหนือแห่สมัคร "Kid Dee camp" ล้นหลาม "สนง.สลากฯ-มูลนิธิยังมีเรา" จัดเต็ม เปิดรับจำนวนเด็กค่ายเพิ่มเท่าตัว ขยายโอกาส แบ่งปันการเรียนรู้
“กบน.” ขยับขึ้นราคาดีเซล 50 สต.ต่อลิตร ดันขายปลีกทะลุลิตรละ 31.44 บาท
รมต.-ทูตอิสราเอล รุมสับ-แซะไบเดน หลังขู่หยุดส่งอาวุธ
"สุดาวรรณ" เข้าปฏิบัติงานกระทรวงวธ.วันแรก ผลักดันวัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตั้งเป้า 1 ภาค 1 มรดกโลก
วิเคราะห์แล้ว คลิปโดรนปริศนาล้วงตับเรือรบญี่ปุ่น ของจริง (คลิป)

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น