วันที่ 7 มี.ค.67 เวลา 13.00น.ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก มีการเสวนาเรื่อง ขุมทรัพย์ – อธิปไตย ต้องเจรจาอย่างไร ผลประโยชน์จึงจะเป็นของคนไทย ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา โดยมี นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา พลเรือตรี ดรณ์ ทิพนันท์ รองเจ้ากรมยุทธการทหาร (ทร.) นายคํานูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ร่วมเสวนา
ข่าวที่น่าสนใจ
นายเทพมนตรี ระบุว่า หลักเขตที่มีปัญหามากสุดคือหลักเขตที่73 ที่มีการเคลื่อนย้ายที่ พอเคลื่อนย้ายที่กัมพูชาจึงเคลื่อนเอาจุดเล็ง กินเข้ามาในดินแดนไทย แล้วยึดโยงเส้นนั้นไปในไหล่ทวีป คือเส้นที่เรามีปัญหาคือปี 2515 พอมา MOU 2544 สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ก็มีการไปลงนาม รองรับเส้นแบ่งเขตที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ เส้นเก๊ คือใช้ หลักเขตที่73 ยิงผ่านกลางเกาะกูด แล้วไหลลงไปในอ่าวไทย จึงเป็นเส้นที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จนมีการอ้างสิทธิ เป็นพื้นที่ทับซ้อน ทั้งนี้เกาะกูดเป็นเพียงตัวหลอก ตัวจริงคือขุมทรัพย์ 20 ล้านล้านในอ่าวไทย
ส่วนความกังวล หากกัมพูชาไปฟ้องศาลโลก โดยนายเทพมนตรี ระบุว่า ตนมีความกังวลอย่างมาก และกลัวว่าอาจซ้ำรอยเหมือนกับกรณีเขาพระวิหาร เพราะเมื่อใดที่กัมพูชาร้องไปยังเวทีโลก สปอร์ตไลท์ก็จะฉายไปที่กัมพูชา เพราะผลประโยชน์กัมพูชา มีบรรดาประเทศมหาอำนาจ เข้าไปหาผลประโยชน์รอไว้แล้ว แล้วเราอาจจะถูกโลกบีบ
ขณะที่ นายคำนูณ กล่าวเสริมว่า ถ้ารัฐบาลยืนยันเดินตาม MOU 2544 แล้วต้องการที่จะแก้ไข หรือจะจัดทำ MOU ฉบับใหม่ ตนขอให้นำกรอบการเจรจา เข้ามาขออนุมัติกับทางรัฐสภา เพื่อความชัดเจนโปร่งใสว่าจะไปเจรจาอย่างไร ตรงนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
