“เสธ.นิด” ซัดกัมพูชาอย่ามั่ว ลั่น “เกาะกูด” เป็นของไทย ปลุกทหารพร้อมปกป้องประเทศ

“เสธ.นิด” ยกประวัติศาสตร์สอน “นายกฯ-ครม.ผบ.เหล่าทัพ” ต้องอ่านจนขึ้นใจ “เกาะกูด” เป็นของไทย ปลุกทหารทุกคนต้องพร้อมรบ ด้าน “รสนา” กังวล ไทยสุ่มเสี่ยงเสียดินแดนและแหล่งปิโตรเลียมให้ “กัมพูชา”

“เสธ.นิด” ซัดกัมพูชาอย่ามั่ว ลั่น “เกาะกูด” เป็นของไทย ปลุกทหารพร้อมปกป้องประเทศ  Top News รายงาน 

 

เกาะกูด

ข่าวที่น่าสนใจ

กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง กรณีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลกับกัมพูชา บริเวณเกาะกูด ซึ่งตอนนี้คนไทยจับตามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว ล่าสุด พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ เสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า เรื่องเกาะกูด นายกรัฐมนตรี ครม.ทุกคน รัฐมนตรีกลาโหม ต้องอ่านจนขึ้นใจ ผบ.เหล่าทัพ ต้องตระหนัก ฝ่ายเสนาธิการทำแผนยุทธการได้เลย ทหารทุกคนพร้อมรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพเรือ และ “กองบัญชาการนาวิกโยธิน”

เรื่องราวเกี่ยวกับเส้นเขตแดนไทยกัมพูชานั้นสับสน สืบเนื่องมาจากการล่าเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เพราะก่อนศตวรรษนั้น “แผ่นดินเขมร” เป็นของไทย หรืออยู่ในเขตอารักขาของไทย หรือเป็นเมืองขึ้นไทย ตั้งแต่ยุคนครวัด นครธม พ่ายแพ้ต่อกองทัพอยุธยา สมัย “พระเจ้าสามพระยา หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ ยอดนักรบ นักปกครองพระองค์หนึ่ง เขมรจึงย้ายเมืองหลวงไปละแวกอุดรมีชัย และพนมเปญ ตามลำดับ (เพราะกลัวสยาม)

 

ในยุคฝรั่งเศสล่าเมืองขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ.2410 ไทยเริ่มเสียดินแดนเขมรในฐานะเมืองขึ้น จนในปี พ.ศ.2436 ฝรั่งเศสส่งเรือรบเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ถูกล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มีพระราชโองการให้ยิงเรือรบฝรั่งเศส ป้องกันพระนครไว้เบื้องต้น แต่ทรงยอมเจรจา และยอมรับใช้ค่าเสียหาย แต่ฝรั่งเศสขู่ที่จะส่งกองทัพมารุกราน หากไทยไม่ยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ สยามจึงสูญเสียลาว และกัมพูชาในปีนั้น

 

ขณะที่ไทยกำลังชำระค่าเสียจมเรือรบฝรั่งเศส เป็นเงินประมาณ 3 ล้านเหรียญเงิน (คือเงินถุงแดงของรัชกาลที่ 3 ช่วยชาติ) ฝรั่งเศสเข้ายึดจันทบุรี และต่อมายึดตราด (หลังจากคืนตราดแล้ว แต่ยึดเอาอำเภอเกาะกงไป จนทุกวันนี้) จนทำให้สยามต้องทำสัญญา พ.ศ.2447 กับฝรั่งเศส ยกหลวงพระบาง กับดินแดนทางใต้ ของเทือกเขาพนมดงรัก เพื่อแลกกับจันทบุรี สัญญานี้ไทยอ้างในข้อพิพาทว่า ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา

 

ในปี พ.ศ.2450 สยามก็ทำสัญญากับฝรั่งเศสอีก ยกเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับเมืองด่านซ้าย ตราดและเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ใต้แหลมสิงไปจนถึงเกาะกูด คืนมาเป็นของไทย (ข้อเท็จจริงนี้ชัดเจนว่า เกาะกูดเป็นของไทยมาแต่โบราณจนฝรั่งเศสใช้อำนาจยึดไปอย่างโจร) สนธิสัญญานี้จึงเป็นหัวใจสำคัญในการประกาศว่า “เกาะกูด” เป็นของไทยมาแต่โบราณกาล และสยาม โดยพระราโชบายอันแยบยลของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงชนะสงครามการเมืองการทูตกับฝรั่งเศส เพราะทรงสร้างดุลสงคราม โดยมีรัสเซียและเยอรมนีเข้าข้างไทย และห้ามไม่ให้ฝรั่งเศสรุกรานสยาม

 

สรุปง่ายๆ ว่า “เกาะกูดในสัญญาต่าง ๆ ของสยามกับฝรั่งเศสเป็นของไทย และเกาะกูดในสัญญานั้นๆ เป็นเพียงตำบลอ้างอิงทางเลขาคณิตภูมิศาสตร์ ที่จะใช้ลากเส้นจากยอดเขาสูงสุดบนเกาะกูด ไปยังพื้นที่บนแผ่นที่ภูมิศาสตร์กายภาพเท่านั้น เขมรหรือว่าใคร ๆ อย่าได้อ้างอะไร ๆ เลยว่า “เกาะกูด” เป็นของเขมร เพราะ “เกาะกูด” เป็นของคนไทยครับ

 

 

 

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าว บางช่วงบางตอนระบุว่า การลากเส้นของกัมพูชาและไทย ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ว่าทับซ้อนกันขนาดใหญ่มากถึง 26,000 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ปี 2516เป็นต้นมา กล่าวกันว่าพื้นที่ ที่มีการอ้างสิทธิ์นั้น เป็นแหล่งที่อุดมด้วยปิโตรเลียม มูลค่าถึง 20 ล้านๆ บาทเลยทีเดียว ประเทศไทยจะสุ่มเสี่ยงการเสียดินแดน และเสียประโยชน์ด้านทรัพยากรทางทะเลเพิ่มขึ้น จากการกระทำของนักการเมือง และกลุ่มทุนพลังงาน ที่เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ใช่หรือไม่

 

 

 

ในอดีตจะเห็นว่า กัมพูชาหาทางรุกคืบดินแดนของไทย เริ่มจากการฟ้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืน ในปี 2505 พอปี 2515 ก็ตีเส้นล้ำเข้ามาในดินแดนทางทะเลของไทย โดยตัดผ่านเกาะกูดของไทยเข้ามา ไทยต้องตีเส้นตามกฎหมายทะเลออกไป ในปี 2516 ย่อมเห็นได้ชัดว่า นักการเมืองของกัมพูชา ให้ความสำคัญกับเรื่องดินแดน จึงหาทางรุกคืบดินแดนไทยตลอดมา ใช่หรือไม่?

เมื่อมีรัฐบาลไทยที่ไม่สนใจเรื่องเขตแดนของประเทศ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ที่มักอ้างว่าทำเพื่อประชาชน ประเทศก็สุ่มเสี่ยงในการสูญเสียดินแดน และทรัพยากรที่ประชาชนคนไทยควรได้รับ ใช่หรือไม่ พื้นที่ในทะเล 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่ยังไม่แบ่งอาณาเขตให้ชัดเจน คนไทยอาจต้องเสียทั้งอาณาเขตทางทะเล และทรัพยากรในดินแดนไทย รวมถึงเกาะกูดให้กัมพูชาอีก ก็เป็นได้ในอนาคต เพราะวิธีการรุกคืบแบบกัมพูชา ใช่หรือไม่

ถ้านักการเมืองไทยอ้างว่า จะไม่เสียเกาะกูด เพราะเจรจาได้ ก็ขอให้คนไทยจำกรณีปราสาทเขาพระวิหารเอาไว้ อีกประการหนึ่ง ต่อให้ไม่เสียเกาะกูดจริง ตามน้ำลายของนักการเมืองไทย แล้วทำไมคนไทยต้องยอมเสียทรัพยากรในทะเล ที่เป็นดินแดนของไทยใต้พื้นที่เกาะกูดด้วยล่ะ ใช่หรือไม่?

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ ถวายความอาลัยพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดกิจกรรม "Zero Co2 Chachoengsao Run 2025" ครั้งที่ 4
"ชูวิทย์" ใส่ยับพรรคส้ม ง่ายไปแค่จัดอีเว้นท์ขอโทษปชช. ซัดธนาธร-พิธา เคยปราศรัยลดกำลังกองทัพ โอ่ใหญ่ไม่มีรบเพื่อนบ้าน ไล่ไปขอโทษทหารเลย
"ทบ." เปิดหลักฐานชัด "กัมพูชา" ขุดคูเลต-สร้างบังเกอร์-ฐานยิงปืนใหญ่รอบ "ปราสาทคนา" รุกล้ำอธิปไตยไทย
สวนสัตว์นครราชสีมา เปิดตัวสมาชิกใหม่ “ลูกควายป่าแอฟริกา – ลูกวัววาตูซี” ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2569 พร้อมชวนร่วมโหวตตั้งชื่อ
"เสธ.เบิร์ด" ลั่นไม่ต้องหวั่นทัพไทยรบเขมรได้อีกนาน ทอ.พัฒนาอาวุธไม่หยุดยั้ง จากระเบิดธรรมดา กลายเป็นอาวุธนำวิถีระยะไกล ยิงแม่นยำสุดๆ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​