พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ออกแถลงการณ์ระบุว่า กองทัพอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายที่เป็นกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ไปแล้วมากกว่า 3,400 แห่งในเลบานอนตอนใต้ และมากกว่า 50 แห่งในซีเรีย โดยโจมตีหน่วยก่อการร้ายมากกว่า 150 หน่วย และกำจัดบุคคลระดับผู้ก่อการร้ายรวมถึงผู้บัญชาการไปแล้วกว่า 200 คน นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว
ฮาการีกล่าวต่อว่า อิสราเอลพยายามที่จะยับยั้งเครือข่ายโลจิสติกส์ของกระสุนและขีปนาวุธ ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่มีการลักลอบขนจากอิหร่านไปยังซีเรีย และจากนั้นจึงต่อไปยังเลบานอน ทางกองทัพทำการค้นหาเครือข่ายนี้ และทำลายมัน โดยพยายามที่จะทำลายให้ได้ก่อนที่จะไปถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กองกำลังอิสราเอลจะดำเนินการต่อไป ไม่ว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะอยู่ที่ใดก็ตาม เราจะดำเนินการต่อไปทุกที่ที่จำเป็นในตะวันออกกลาง
ฮาการีระบุต่อไปอีกว่า จนถึงตอนนี้ กองทัพอิสราเอลได้ส่งกำลังพล 3 กองพล ไปตามแนวชายแดนเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม แทนที่จะเป็นกองพลเดี่ยวอย่างที่เคยทำเป็นปกติ เพื่อพยายามที่จะขัดขวางขีดความสามารถของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และปกป้องประชาชนทางตอนเหนือของอิสราเอล โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่พร้อมๆกับการมีสงครามในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลได้ดำเนินการสู้รบที่รุนแรงมากในแนวรบด้านเหนือ ด้วยเป้าหมายเพื่อปรับรูปแบบด้านความปลอดภัย และเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยทางตอนเหนือสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยด้วย
ขณะที่นายโยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ก็ออกมากล่าวเช่นกันว่า อิสราเอลจะไม่หยุดยั้งการกำหนดเป้าหมายต่างๆ ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน แม้ว่าต่อไปจะมีข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับการหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาก็ตาม ทั้งนี้ จนกว่าอิสราเอลจะไปถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ที่จะฟื้นฟูความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยทางตอนเหนือ อิสราเอลจะไม่หยุด แต่จะหยุดเมื่อบรรลุสิ่งเหล่านี้ ผ่านวิธีการทูต หรือการทหาร
สำหรับความตึงเครียดตามแนวชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล ที่อยู่ติดกับเลบานอนนั้น ถือได้ว่ามีสูงขึ้น นับตั้งแต่อิสราเอลมีสงครามกับฮามาสตั้งแต่เดือนตุลาคม เนื่องจากมีการยิงมาจากทางฝั่งเลบานอนเป็นประจำ และกองกำลังอิสราเอลก็ตอบโต้กลับทุกครั้ง ทั้งนี้ กองกำลังอิสราเอลระบุว่า มีชาวอิสราเอลมากกว่า 8 หมื่นคน ต้องถูกอพยพออกจากพื้นที่ชายแดนเหล่านั้น