“รังสิมันต์ โรม” เสียงแข็ง ย้ำก้าวไกลทำตามกระบวนการ พร้อมสู้คดี หากถูกร้องปมลงชื่อแก้ไขม.112

“รังสิมันต์ โรม” เสียงแข็ง ย้ำก้าวไกลทำตามกระบวนการ พร้อมสู้คดี หากถูกร้องปมลงชื่อแก้ไขม.112

วันที่ 31 ม.ค.67 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยคำร้องคดีพรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ว่า ตั้งแต่เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ จนมาถึงพรรคก้าวไกล เจตนาของเราคือต้องการแก้ไขปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าปัญหาการเมืองหลายอย่างนั้นมีมานานแล้วก่อนจะมีพรรคอนาคตใหม่เสียด้วยซ้ำ มาตรา 112 กฎหมายก็เป็นหนึ่งในกฎหมายดำเนินคดีที่ใช้ดำเนินคดีกับ คนที่วิพากษ์วิจารณ์และเห็นต่างทางการมาโดยตลอด เป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้โดยทั่วกัน แม้แต่ในต่างประเทศ เราได้รับคำเสนอแนะจากต่างประเทศ ถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 มาโดยตลอด ดังนั้นต้องยอมรับว่ามาตรา 112 นำไปสู่คำถามมากมาย ก้าวไกลว่าจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะมาตรา 112 เท่านั้น แต่ต้องการทำให้วิกฤติการเมือง ของสังคมหมดไป

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาทั้งรัฐธรรมนูญ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ไม่มีกฎหมายฉบับใดที่ห้ามเสนอแก้ไข มาตรา 112 ดังนั้น ขั้นตอนการเสนอแก้ไขกฎหมายที่เราได้ทำไปแล้วนั้น เป็นกระบวนการตามปกติที่กฎหมายให้อำนาจ ส่วน ส.ส.ในสภาจะเห็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องที่แต่ละฝ่ายใช้อำนาจวินิจฉัยกันไป

ข่าวที่น่าสนใจ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพยายามทำ หน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ในเมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ ก็คงต้องพูดคุยกันในพรรคว่าจะมีแนวทางกันอย่างไร แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยที่ออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า บรรทัดฐานการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ จะทำให้การพูดเรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ของ สส.ในที่สาธารณะเป็นอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนต้องไปคิด เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นที่สังคมสนใจ สื่อมวลชนจึงนำไปถามเพื่อรู้จุดยืนของพรรคการเมืองที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็นำไปสู่คำถามว่าการพูดเรื่องมาตรา 112 จะเป็นอย่างไร ดังนั้นสังคมต้องหาพื้นที่ในการแก้ปัญหาที่มีมานาน

 

 

ทั้งนี้ ไม่มั่นใจว่าตนไม่มั่นใจว่าสภาจะเป็นพื้นที่ให้ได้หรือไม่ เราเป็นคนที่ต้องอยู่ในสังคมไปอีกนาน หลายคนยังอายุยังน้อย และต้องการจะรู้ว่าสิทธิสิทธิและเสรีภาพมีมากน้อยแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีพื้นที่ในการหาคำตอบในเรื่องนี้

 

 

นอกจากนี้ ตนไม่เชื่อว่าการห้ามคิดการห้ามคิดห้ามหรือห้ามพูดจะนำไปสู่ ข้อยุติปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายรังสิมันต์เป็นหนึ่งใน ส.ส. 44 คน ที่เคยลงชื่อแก้ไข มาตรา 112 กังวลว่าจะถูกร้องจนนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยหากสุดท้ายจะมีการดำเนินคดี ทั้งการยุบพรรค และการตัดสิทธิ์ ส.ส.ทั้ง 44 คน แต่ตนคงไปห้ามไม่ได้ และเชื่อว่าต้องมีคนไปร้อง ก็คงต้องสู้คดีกันต่อไป ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของอนาคต

 

เมื่อถามว่าหากฉากทัศน์สุดท้ายของการแก้ ม.112 คือการยุบพรรค ก้าวไกลมีแผน 2 หรือไม่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่าอย่าพึ่งคิดไปถึงตรงนั้น เพราะเรายังมีเวลาในการพิจารณา ยังต้องคุยกันภายในพรรคว่าสุดท้ายแล้วจะอย่างไร อย่าพึ่งพูดถึงแผน 2 เพราะหากเราคุยกันเคลียร์และมีทิศทางที่ชัดเจน ก่อนจะมีแผนบีก็ต้องสู้คดีก่อน จึงมองว่าอาจจะไม่ต้องรีบให้พี่น้องประชาชนทราบในตอนนี้

 

นาบรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่าอย่างหนึ่งที่ต้องบอกในโอกาสนี้คือความคิดแบบที่ก้าวไกลคิด โดยที่เรามีจุดยืนที่จะสร้างสังคมให้ดีขึ้นมันจะไม่มีทางสูญสลายและหายไปจากสังคมอย่างแน่นอน ก้าวไกลไม่ใช่ตัวบุคคล แต่ก้าวไกลคือทุกคนที่มีความเชื่อในการเห็นสังคมที่ดีกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

บุกตรวจโรงงานพลาสติกบ้านบึง พบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 32 ราย ดำเนินคดีทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
“สมศักดิ์” จ่อฟ้องกัมพูชา ชดใช้ "โรงพยาบาล" เสียหาย 146 ล้าน เดินหน้าเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ยันไม่มีโรคติดต่อจาก "ศพทหารเขมร"
เปิดภาพ "ทหารไทย" วางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนามรอบ2
กัมพูชาพาเจ้าหน้าที่ทูตและยูเอ็นเยี่ยมศูนย์ประสบภัย
"มาลี" โฆษกฯกห.กัมพูชา ปัดข้อกล่าวหา ปมสายลับ โบ้ยไทยใส่ร้ายโยนความผิดให้เขมร
อดีตสตรีหมายเลข 1 เกาหลีใต้เข้าให้ปากคำอัยการ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​