ย้อนภาพ “ลุงตู่-พี่นิด” เชื่อผู้นำจะดีเอง

ย้อนภาพ “ลุงตู่-พี่นิด” เชื่อผู้นำจะดีเอง

 

รู้สึกสะดุดใจเมื่อได้เห็นเพจของ “วรพรรณ เบญจวรกุล หรือทนายเล็ก โพสต์ภาพประวัติศาตร์เมื่อครั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือพี่นิด เดินทางเข้าพบ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างชื่นมื่นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566

 

 

พร้อมกันนี้ทนายเล็กยังโพสต์ข้อความว่า “หลังจากที่ได้เห็นภาพนี้… เราก็รู้เลยว่าลุงจะเดิน ไปทางไหน และ เราก็รู้ได้ว่า เรามีหน้าที่ต้องเป็นผู้ตามที่ดี ไม่แตกแถว …..เมื่อเรา มั่นใจลุง เราก็ต้องมั่นใจคนของลุงด้วย…. เรา อย่าไป คิดนอกลู่ นอกทาง เชื่อผู้นำ แล้ว จะดีเอง .เราไม่รู้หรอกว่า เกมส์ ที่ลุงจะ นำพาประเทศเดินไปข้างหน้า มีอะไรสลับซับซ้อน ขั้นไหน อย่างไร รู้แต่ว่าเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง เป็นเรื่อง ทั้งละเอียดอ่อน ทั้งลึกซึ้ง ซ่อนเงื่อน

 

 

ดังนั้น เมื่อเรา มีหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดี จึง ต้องคอยอ่านสัญญาณ จากลุง และคนของลุง เป็นที่ตั้ง ….ลุงและคนของลุงเดินไปทางไหน เราก็เดินไปทางนั้น เราไม่ไปชิง การนำประเทศ ใดๆ เพราะ เรา ไม่รู้อะไร จริง อะไรหลอก หน้าที่ของเราตอนนี้คือ อยู่นิ่งๆ แล้วจะดีเอง…. ทำหน้าที่การงานของเราไป ตามปกติ ผู้ใหญ่เขาดูแลประเทศ ให้พวกเราอยู่อย่างสุขสบาย เราก็ต้อง ไม่ทำให้ ผู้ใหญ่ ปวดหัว นะคะ….

 

ข้อความที่ทนายเล็กพยายามสื่อเหมือนจะบ่งบอกให้เรารับรู้ถึงการเป็น “ผู้นำที่ดี” และการเป็น “ผู้ตามที่ดี” ในฐานะประชาชน แต่ใครจะคิดเห็นอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจปิดกั้นความคิดของแต่ละคนได้ แต่สิ่งที่ทนายเล็กพูดก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านส่งไม้ต่อมายังนายเศรษฐา

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ภาพประวัติศาสตร์ระหว่างลุงตู่ และนายเศรษฐา อาจกล่าวได้ว่า เป็นปฐมบทของการเมืองไทยในช่วงนั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ว่าได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดรัฐบาลเพื่อไทย 314 เสียงก็คงไม่เกินจริง เพราะถ้ายังจำกันได้หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลรวมเสียง 8 พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล แต่การโหวตนายกรัฐมนตรรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่อาจผ่านด่าน สว. ในการรวมเสียงสองสภาให้เกินกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียง

 

 

ขณะเดียวกันเมื่อเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มัดรวมกับพรรคก้าวไกล แต่มีพรรคสองลุงทั้งรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐฐาลเพื่อไทย โดยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ได้มีการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า สว.สายลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีไม่ยอมโหวตให้ แต่ในการโหวตครั้งนั้นมี สว.จำนวน 152 เสียง พร้อมใจกันโหวตให้นายเศรษฐาผ่านด่าน 375 เสียงเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยมีเสียง สส. และสว.โหวตเห็นชอบจำนวน 482เสียง ซึ่งกล่าวกันกว่า สว.ที่ยกมือสนับสนุนกว่า 100 เสียงเป็น สว.สายลุงตู่ทั้งสิ้น

 

 

จากนั้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 จึงปรากฎภาพนายเศรษฐา เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัวที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างชื่นมื่น แต่มีคนไปจับประเด็นว่า เป็นการมาขอบคุณ หรือรายงานตัวหลังจากที่ “สว.สายลุงตู่” เทคะแนนโหวตได้เป็นนายกฯ กระทั่ง“เศรษฐา” บอกภายหลังว่า เข้าพบ “ลุงตู่” ในฐานะผู้น้อย เพื่อพูดคุย และเรียนสอบถาม มีคำแนะนำ หรือต้องการฝากฝังประเด็นใดหรือไม่

 

เช่นเดียวกับ “ลุงตู่” ได้ออกบอกว่า มีคำแนะนำให้ “เศรษฐา” ว่ามาจากภาคเศรษฐกิจ การบริหารงานย่อมแตกต่างกัน จึงฝากให้ระวัง ใจเย็น อดทน ยึดมั่น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และฝากดูนโยบายของรัฐบาลเดิม สิ่งไหนดี อยากให้ดูแลต่อไป พร้อมกันนี้ก่อนอำลาตำแหน่งนายกฯ สื่อมวลชนได้ร้องเพลง “แม้ไม่ใช่คนโปรด อย่างคนอื่นเขา” ทำให้ “ลุงตู่” ยิ้มพร้อมทั้งว่า “ร้องเพลงให้ นายกฯคนนี้แล้ว ก็ให้ไปร้องเพลงนี้ให้ นายกฯคนใหม่ด้วย

 

ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล 314 พรรคเพื่อไทย เราจะเห็นได้ว่ากว่า 4 เดือนที่ผ่านมา ภาพความขัดแย้งของประเทศเบาบางลง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ อะไรที่เป็นสิ่งที่ให้ประเทศชาติ และสถาบันกระทบกระเทือน โดยเฉพาะกฎหมายต่าง ๆ ที่พรรคก้าวไกลพยายามนำเข้าสู่สภา เช่น การเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ,การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยแตะหมวด 1 และหมวด 2 ,การยกเลิก กอ.รมน. ฯลฯ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ รัฐบาลชุดนี้จะปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

 

ขณะเดียวกันการบริหารงานราชการของนายเศรษฐาในเวทีต่าง ๆ โดยเฉพาะเวทีโลกนั้น นายกรัฐมนตรีจะน้อมนำศาสตร์พระราชาให้ผู้นำต่างชาติได้รับรู้ อาทิ การประชุมสหประชาชาติ ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริการะหว่างวันที่ 18-26 กันยายน 2566 นายกฯนำโมเดล “โคกหนองนา”ไปเสนอในเวทียูเอ็นถึงภาพรวมของโครงการ พร้อมประกาศจุดยืนกลางเวที UN ด้วนการโชว์วิชั่น ชูหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมุ่งมั่นพัฒนาแบบยั่งยืน

 

กระทั่งล่าสุดหลังวันขึ้นปีใหม่ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขอให้ครม. น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในโอกาสวันขึ้นปีใหม่มาเป็นแนวทางในการทำงาน และเป็นปีมหามงคลด้วย เนื่องจากจะมีพระราชพิธีเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบหรือ 72 พรรษา

 

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อาจเป็นข้อสนับสนุนข้อความของทนายเล็กกับบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการส่งไม้ต่อให้นายเศรษฐาในฐานะนำประเทศที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผ่านทางภาพประวัติศาสตร์ของลุงตู่กับพี่นิด…?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีน-ไทยเพิ่ม 5 ด่านนำเข้าส่งออก 'ผลไม้' ผ่านประเทศที่สาม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) โครงการ 'Free Visa Transit' ของจีนเพิ่มท่าเรืออีก 5 แห่ง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทัพฮิวแมนนอยด์ โชว์รำ 'เจ้าแม่กวนอิมพันมือ'ในกวางตุ้ง
รวบโจรจี้ร้านสะดวกซื้อ ชิงเงิน 3,800 หนีข้ามอำเภอ
เทศบาลตำบลแพรกษา สมุทรปราการ สืบสานประเพณีไทย “นฤมิตสายนที” ประเพณีลอยกระทง 2568
โฆษกทบ.ยันข่าว กองทัพเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา เรื่องจริง เหตุผลเพราะ ทหารเขมรถอนอาวุธหนัก ไม่ขัดขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​