“ศิริกัญญา”แนะรัฐบาลรอฟังกฤษฏีกา ปมพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ไม่เชื่อแจกดิจิทัล ทำศก.เติบโต

“ศิริกัญญา”แนะรัฐบาลรอฟังกฤษฏีกา ปมพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ไม่เชื่อแจกดิจิทัล ทำศก.เติบโต

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า เตรียมจะเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนอยากให้ นพ.พรหมินทร์ รอคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ซึ่งตนอยากให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ภายในต้นเดือน ม.ค. เพราะจะได้เตรียมการทุกอย่างให้แล้วเสร็จ และหากคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า ไม่สามารถออกเป็นร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแผนได้ทันท่วงที เพราะตามไทม์ไลน์เดิมก็ถูกเลื่อนมาแล้วสองครั้ง

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า จากเดิมที่เคยประกาศว่า จะได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเดือน ก.พ. ก็เปลี่ยนเป็นเดือน พ.ค. แต่หากเริ่มต้นในเดือน พ.ค. เท่ากับว่า จะไม่ครอบคลุมในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลใดๆ เลย ซึ่งก็อาจจะต้องยืดระยะเวลาของโครงการไปอีก ไม่แน่ใจว่า ทางรัฐบาลได้เตรียมแผนสำรองไว้บ้างหรือไม่ เท่าที่เราตรวจสอบแล้ว หากไม่สามารถออกร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทได้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่จะเข้าที่ประชุมสภาฯ ในอีกไม่กี่วัน ก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หากร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทผ่าน ประกอบกับทางรัฐบาลเคยระบุว่า จะพยายามใช้หนี้คืนให้หมดภายใน 4 ปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันที คือหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอีก 5 แสนล้านบาท ตัวเลขดูอาจจะไม่เยอะ และอาจจะไม่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเกินเพดานที่กำหนดไว้ แต่สิ่งที่จะตามมา คือภาระหนี้ที่มาพร้อมกับเงินต้น และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนในแต่ละปี เฉพาะดอกเบี้ยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว

ไม่มีคำอธิบาย

ข่าวที่น่าสนใจ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลนั้น เพิ่มขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้สถาบันที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือ ใช้พิจารณาความเข้มแข็งทางการเงินการคลังของประเทศ หากประเทศใดที่มีภาระดอกเบี้ยสูง ก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตการณ์ทางการคลัง ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจ มีหลายสำนักออกมาประมาณการณ์ว่า ผลกระทบต่อจีดีพีจะเป็นอย่างไร แต่ไม่มีสำนักไหนที่ประเมินว่า ภายหลังที่เศรษฐกิจถูกกระตุ้นด้วยเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทแล้ว จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้เกิน 1 เปอร์เซ็นต์

ไม่มีคำอธิบาย

“ดังนั้น ที่รัฐบาลระบุว่า จะพยายามให้จีดีพีเติบโตได้ 5 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ภายใน 4 ปี แต่ในปีแรก ที่มีการอัดเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และน่าจะเป็นครั้งเดียวภายใน 4 ปี ที่สามารถทำแบบนี้ได้ ก็ยังคงทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้เพียง 3.6-3.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ดังนั้น ที่เคยระบุว่า เศรษฐกิจจะเติบโต 5 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 4 ปี ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สส.น้ำหอม" ควงลูกสาวรับโล่รางวัล "แม่ผู้บำเพ็ญตนเพื่อชาติ" ในงานวันแม่แห่งชาติ จังหวัดสงขลา
ปริศนา "ปลาหมอมายัน" เอเลี่ยนสปีชีส์ แฝงอยู่กับฝูงปลาหมอคางดำ
"ลุงพล" วืดประกันตัว ส่งคุมขังเรือนจำมุกดาหาร หลังศาลพิพากษาเพิ่มโทษคุก เป็น 26 ปี "แม่น้องชมพู่" น้ำตาไหล ลูกได้รับความเป็นธรรม
"แม่ทัพภาค 2" ลงพื้นที่สุรินทร์  ยี่ยมให้กำลังใจทหารกล้าชายแดน มอบผ้ายันต์ - พระเครื่อง และสิ่งของจำเป็น พร้อมกำชับเฝ้าระวัง หากมีอะไรให้แจ้งทันที
ผู้ว่าฯ เมืองคอน ตรวจเยี่ยม "ศูนย์มินิธัญญารักษ์ท่าศาลา"
ไต้ฝุ่นโพดุลถล่มไต้หวันรุนแรงกระทบขนส่งทั่วเกาะ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​