“พระแสงราวเทียน” ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่สูญหายได้กลับมาพร้อมงานสมโภชครบรอบ 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ

"พระแสงราวเทียน" ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าที่สูญหาย ได้กลับมาพร้อมงานสมโภชครบรอบ 338 ปี

เวลา 9.30 น. ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ อ.ปริญญา สัญญะเดช นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญศาสตราวุธ ซึ่งเคยบวชที่วัดหาธาตุประมาณปี 2533 ได้รับทราบข้อมูลและรูปพรรณของพระแสงราวเทียน จากอัลบั้มเก่า และการบอกเล่าของพระพรหมวชิราธิบดีอธิบดีสงฆ์ จึงพยายามสืบเสาะ ค้นหาพระแสงสำคัญองค์นี้มาโดยตลอด จวบจนกระทั่งไม่นานมานี้ มีผู้รู้แจ้งเบาะแสให้ตามไปพบ พิจารณาจนมั่นใจในลักษณะ รูปทรงดาบ เนื้อโลหะ และการประดับตกแต่งติดตั้งราวเทียน จึงนำกลับคืนมาเก็บรักษาไว้ และติดต่อพระผู้ใหญ่แห่งวัดมหาธาตุฯ โดยทาง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯได้จัดพิธีสวดเจริญชัยยะมงคล คาถาและ เตรียมจัดแสดงพระแสงราวเทียน ที่ สมเด็จกรมพระบวร มหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวร สถานมงคล ถวายเป็นพุทธบูชาก่อนสิ้นพระชนม์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พระแสงราวเทียน คือพระแสงดาบคู่พระทัยที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงใช้ในการศึกตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อกู้บ้านเมืองจากข้าศึก ด้วยความผูกพันศรัทธายาวนานที่ทรงมีต่อวัดมหาธาตุฯ ที่เคยเป็นจุดหลบภัย ทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงบรรพชาที่วัดนี้ ทำให้ในคราวประชวรหนักช่วงปลายพระชนม์ชีพ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้เสด็จพระราชดำเนินจากวังหน้ามากราบลาสักการะพระประธานในพระอุโบสถใหญ่ น้อมถวายพระแสงทำเป็นราวเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นไม่นานก็เสด็จสวรรคต

พระแสงราวเทียนได้อยู่คู่วัดมหาธาตุฯมาจวบจนกระทั่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย คาดว่าน่าจะเป็นช่วงการบูรณะหลังคาพระอุโบสถราวปี 2500

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 พระราชวชิราธิบดี รองเจ้าอาวาส ได้รับมอบพระแสงราวเทียนจาก อ.ปริญญา สัญญะเดช ศิษย์วัดมหาธาตุผู้ศรัทธาในพุทธศาสนาและพระบารมีในพระบวรราชเจ้าฯ เพื่อเตรียมถวายคืนต่อพระพักตร์พระบวรราชานุสาวรีย์ ทันการสมโภชพระอาราม นับเป็นเหตุการณ์อันเป็นมงคลยิ่งและในโอกาสสมโภชพระอาราม 338 ปี ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566-2 มกราคม 2567 คณะกรรมการจัดงานฯ มีความตกลงร่วมกันที่จะเชิญพระแสงองค์สำคัญนี้ออกจัดแสดงในนิทรรศการ ณ พระอุโบสถ เพื่อให้ประชาชนผู้เข้าชมงานได้ร่วมรับรู้ในพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจอันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ
อ.ปริญญา สัญญะเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตราวุธ และได้ศึกษาเรื่องพระแสงราวเทียนมานานกว่าสามสิบปี อธิบายลักษณะของพระแสงราวเทียนว่า เดิมเป็นดาบญี่ปุ่นที่ผลิตในสมัยโชวะ ซึ่งนิยมใช้ในการสู้รบ เนื่องจากมีความคมแกร่งและผลิตโดยช่างฝีมือแห่งยุคสมัย เรียกว่าดาบมังกร เมื่อจะทำให้เป็นราวเทียนบูชา ก็ได้ลบปลาย ลบคม และถอดด้ามออก ตกแต่งเป็นเศียรและหางนาคตามพระราชนิยมซึ่งเป็นมงคลเทียบเคียงกัน ข้อสังเกตสำคัญคือการที่ทรงตัดสินพระทัยจะถวายเป็นพุทธบูชา ย่อมหมายถึงทรงมีพระราชประสงค์จะตัดขาดจากการสู้รบฆ่าฟันที่ต้องทรงกระทำมาตลอดพระชนม์ชีพ ดาบจึงถูกทำให้หมดคมสิ้นสภาพความเป็นอาวุธ เปลี่ยนเป็นราวเทียนให้แสงแห่งปัญญาถวายเป็นพุทธบูชา

“ไม่เคยปรากฎว่ามีกษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์ใดถวายดาบในลักษณะนี้ คงมีแต่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเท่านั้น” อ.ปริญญากล่าวยืนยัน เชิญชมพระแสงราวเทียนอย่างใกล้ชิด พร้อมสิ่งของสำคัญในประวัติศาสตร์ อาทิ เครื่องโต๊ะเครื่องตั้ง คัมภีร์และผ้าห่อพระคัมภีร์ ฯลฯ ตลอดช่วงงานสมโภชวัดมหาธาตุ 338 ปี พร้อมทั้งสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคล ชมตลาดวัฒนธรรม อาหารไทย แพทย์และนวดแผนไทย ฟังดนตรี เจริญสมาธิและสวดมนต์ข้ามปี ทั้งนี้เมื่อจบงาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์จะเชิญพระแสงราวเทียนนี้เก็บรักษามิดชิดเป็นการถาวรต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง ลุยตรวจสถานบันเทิงพัทยา ป้องปรามยาเสพติด
"มาลี" โต้รัว "แม่ทัพกุ้ง" ละเมิดตกลง ประกาศปิดตายตาเมือนธม เอาคืน ตัวปราสาทตาควาย ไม่พูดเลยทหารเขมร ยืนเผชิญหน้าห่างแค่ 30 เมตร
"กรมอุตุฯ" เตือน 44 จังหวัด รับมือฝนถล่มหนัก กทม.โดนด้วย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
กลุ่มแรงงานเขมร วอน ฮุนเซน อย่ากดดันพลเรือนตัวเอง ให้กลับประเทศ ขู่แรง ยึดบ้าน -ถอดสัญชาติ
ผบก.ภ.จว.ชลบุรี บูรณาการ ปกครอง ตำรวจ ผู้ประกอบการ เข้มสถานบริการ เยาวชน สิ่งผิดกฎหมาย ปิด 5 ปี
ภูเก็ต เตรียมจัด “Muaythai Phuket Festival 2025” ยกระดับสู่ฮับมวยไทยระดับโลก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​