“กรมฝนหลวง” เตรียมขึ้นบินทำฝนเทียม แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกทม. เริ่ม 15 ธ.ค.นี้

"กรมฝนหลวง" เตรียมขึ้นบินทำฝนเทียม แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในกทม. เริ่ม 15 ธ.ค.นี้

จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง ทำให้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ สั่งการกรมหลวงและการบินเกษตร ขึ้นปฎิบัติการฝนเทียม เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว

ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่าได้กำหนดเวลาการปฏิบัติการฝนหลวง ในระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม นี้ เพื่อร่วมกันเร่งคลี่คลายสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งก่อนหน้านี้มีปริมาณเกินค่ามาตรฐานในหลายจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือ และกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ทั้งนี้ นายสุพิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขึ้นบินมีปัจจัยสำคัญเรื่องทิศทางลม หากลมมาทางทิศตะวันออก ต้องย้ายชุดเคลื่อนที่เร็วไปปฏิบัติการที่ จ.ระยอง แต่หากเป็นลมตะวันตก จะต้องไปที่ฐาน จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยคือเครื่องบินฝนหลวง ต้องบินห่างจากสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ 70 ไมล์ ดังนั้นจะบินเข้าชั้นในของกรุงเทพฯ ไม่ได้ เพราะเป็นข้อบังคับ นอกจากนี้ในการทำฝนหลวงจากพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร

หากสภาพอากาศไม่เอื้อ แล้วพลาดจะทำให้เกิดความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร หากทำฝนหลวงแล้วเมฆไม่ไหลเข้าไปตกในกรุงเทพฯ ฝนก็จะตกในจังหวัดที่ไม่ได้ต้องการฝน นอกจากนี้ในของส่วนหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.ระยอง จะขึ้นบินปฏิบัติภารกิจทำฝนบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 15 ธันวาคมม 2566 โดยเครื่องบิน CARAVAN (อ่านว่า คา-รา-วาน) จำนวน 2 ลำ รวม 1 เที่ยวบิน บริเวณพื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี , อ.ราชสาส์น อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีฝนตกเล็กน้อยบริเวณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อ.พนมสารคาม อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และ เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตคลองสามวากรุงเทพฯ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้การปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่กรุงเทพฯ มีข้อจำกัดทางการบิน ทำให้สามารถปฏิบัติการได้เพียง 2 ขั้นตอนตามตำราฝนหลวงพระราชทาน ประกอบด้วย

– ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวนหรือก่อเมฆ เป็นการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อกระตุ้นให้เกิดเมฆ

– ขั้นตอนที่ 2 คือเลี้ยงให้อ้วน เป็นการรวบรวมและทำมวลเมฆให้โต และหนาแน่นเพียงพอ

แต่เนื่องด้วยช่วงนี้มีสภาพอากาศที่มีความชื้นมากขึ้น กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงใช้โอกาสที่เหมาะสมนี้เพิ่มโอกาสในการก่อเมฆ เพื่อให้เมฆพัฒนาตัวลอยเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายและอาจตกลงมาเป็นฝนตามธรรมชาติได้ในบางพื้นที่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด อย่างไรก็ตาม นายสุพิศ กล่าวว่าด้วยว่า ระยะนี้สภาพอากาศยังคงเอื้ออำนวย มีความชื้นสัมพัทธ์ 40-50% ซึ่งโอกาสที่บินปฏิบัติการแล้วทำให้มีฝนตกเป็นไปได้สูง พร้อมย้ำว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะยังคงเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดทุกวันเพื่อวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการทำฝน ซึ่งหากสภาพอากาศเข้าเงื่อนไขจะมีการขึ้นบินปฏิบัติการทันที สำหรับ “ฝนหลวง” นับเป็นพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ปวงประชาไม่ลืมเลือน โดยหากย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อนของพสกนิกรเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่ภาคอีสาน ราษฎรและเกษตรขาดแคลนน้ำอุปโภคและการเกษตร พระองค์ทรงมีความห่วงใย พระราชทานโครงการพระราชดำริ “ฝนหลวง” เป็นโครงการที่ค้นคว้าทดลองขึ้นจนกลายเป็นสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นในปี พ.ศ. 2518 จากการใช้เครื่องบินบรรจุสารเคมีขึ้นไปโปรยในท้องฟ้ากลายเป็นฝนเทียม เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจของประชาชนชาวไทยทุกคน กรมฝนหลวง เตรียมขึ้นบินทำฝนเทียม แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่ม 15 ธค.นี้

 

 

พระองค์ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการคิดค้นเทคโนโลยีการสร้างฝนหลวง ซึ่งเทคนิคต่างๆ กลายเป็นองค์ความรู้ที่ทั่วโลกยอมรับและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่แห้งแล้ง มีการเผยแพร่ภาพอินโฟกราฟิก ที่ทรงอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดออกมาเป็นภาพในหนังสือที่เรียกว่า ตำราฝนหลวงพระราชทาน หรือ Royal Rainmaking Textbook เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยชาวต่างชาติที่ศึกษาจะเข้าใจถึงเทคนิค Super Sandwich เป็นการใช้เครื่องบินปล่อยสารเคมีให้เกิดความร้อนชื้นมาปะทะกับความเย็นเพื่อให้เกิดเป็นเม็ดฝน

ประโยชน์ของฝนหลวงที่เข้ามาบำบัดทุกข์บำรุงสุขมีส่วนช่วยเหลือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยดังต่อไปนี้

– ด้านการเกษตร มีการร้องขอฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงยาวนาน

ซึ่งมีผลกระทบต่อแหล่งผลิตทางการเกษตรที่กำลังให้ผลผลิต เช่น แถบจังหวัดจันทบุรี หรือเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์

รวมทั้งยังสามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนลดน้อยลง เช่น แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน เป็นต้น

– เพื่อการอุปโภค บริโภค การขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ มีความรุนแรงมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากภูมิภาคนี้เป็นดินร่วนปนทรายไม่สามารถอุ้มซับน้ำได้ จึงไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ดีเท่าที่ควร

– ช่วยในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ ภายใต้พื้นดินของภาคอีสานมีแหล่งหินเกลือเป็นจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง

ดังนั้นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีทางระบายออก หากมีปริมาณน้ำเหลือน้อย น้ำจะกร่อยและเค็มได้

– เสริมสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำ เช่น ทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบางตนในปัจจุบันการทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับบริเวณดังกล่าว

จึงนับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะการขนส่งสินค้าทางน้ำเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทางอื่น และการจราจรทางบกนับวันจะมีปัญหารุนแรงมากขึ้นทุกขณะ

– ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดน้อยลงเมื่อใด น้ำเค็มจากทะเลอ่าวไทยก็จะไหลหนุนเนื่องเข้าไปแทนที่ทำให้เกิดน้ำกร่อยขึ้น

และเกิดความเสียหายแก่เกษตรกรเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นที่ต้องมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล เพื่อผลักดันน้ำเค็มมิให้หนุนเข้ามาทำความเสียหายต่อการอุปโภค บริโภคหรือเกษตรกรรม

รวมทั้งสิ่งที่เราอาจไม่คาดคิดมาก่อนว่า ฝนหลวง ได้บรรเทาภาวะสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษอันเกิดจากการระบายน้ำเสียทิ้งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

และขยะมูลฝอยที่ผู้คนทิ้งลงในสายน้ำกันอย่างมากมายนั้น ปริมาณน้ำจากฝนหลวงจะช่วยผลักดันออกสู่ท้องทะเล ทำให้ภาวะมลพิษจากน้ำเสียเจือจางลง

ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดเจนจากขยะมูลฝอยและกระแสน้ำเสียต่างสีในบริเวณปากน้ำจนถึงเกาะล้านเมืองพัทยา

– เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าบ้านเมืองของเราประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า

เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในปริมาณสูงมากจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เมื่อเกิดภาวะวิกฤติระดับน้ำเหนือเขื่อนมีระดับต่ำมาก

จนไม่เพียงพอต่อการใช้พลังงานน้ำ ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้ผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึงจนถึงขนาดเกรงกันว่าอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการต่างๆ ในการประหยัดพลังงานไฟฟ้ากันบ้าง

เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจากพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถทรงช่วยเหลือพสกนิกรได้ในวงกว้าง ทำให้โครงการฝนหลวงและตำราดังกล่าวได้รับรางวัล Gold Medal with Mention พร้อมประกาศเกียรติคุณเทิดพระเกียรติใหเกับผลงานประดิษฐ์คิดค้นโครงการฝนหลวงที่งานบรัสเซลส์ ยูเรก้า 2001 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2545 คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ในฐานะของปวงราษฎร์ชาวไทยขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำท่าศาลาร่วมทอดผ้าป่า–เลี้ยงน้ำชาการกุศล หนุนกู้ภัยระดมทุนซื้อรถพยาบาล
ผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ปล่อยแถวและมอบแนวทางการปฏิบัติให้กับชุดปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมฯในงานนมัสการหลวงพ่อโสธร
ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังบุกรังคนจีน ผงะเจอแท่นผลิตสารแถมหัวหมอเทสารตั้งต้นลงชักโครก
จับเมียร่วมแก๊งลักสายไฟ ผัวถูกขัง–ตร.ตามอายัดดำเนินคดีเพิ่ม
เขื่อนลำตะคองน้ำดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 21 ล้านลบ.ม. ปีนี้ฝนตกต่ำค่าเฉลี่ยเล็กน้อย น้ำอยู่ระดับไม่น่าไว้วางใจให้เฝ้าระวัง เตือนเกษตรกรเตรียมรับฤดูแล้ง ปลูกพืชใช้น้ำน้อย
อบอุ่นใจทุกที่เมื่อมีตำรวจไทย ตำรวจภูธรบึงกาฬคุมเข้มสร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงและฮาโลวีน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​