เกิดเหตุระเบิดภายในโรงยิม มหาวิทยาลัยมินดาเนา เมืองมาราวี เมืองเอกจังหวัด ลา-เนา เดล ซูร์ บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ขณะกำลังมีการประกอบพิธิมิสซาเช้าวันอาทิตย์ (3 ธันวาคม) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 40 คน ภาพที่ทางจังหวัดโพสต์บนเฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นทหารและกู้ภัยยืนท่ามกลางเศษซากหักพังภายในโรงยิม เก้าอี้ส่วนหนึ่งพลิกหงายกระจุยกระจาย
ประธานาธิบดี เฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ทวีตประณามการโจมตีว่า เป็นการกระทำของ “ผู้ก่อการร้ายต่างชาติ” ที่ไร้เหตุผลและน่ารังเกียจที่สุด แต่ผู้นำฟิลิปปินส์ไม่ได้ขยายความเพิ่มเติม ว่าเป็นกลุ่มใด
ด้าน นักศึกษาคนหนึ่งเล่าเหตุการณ์ ขณะนอนรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล ว่า ได้ยินเสียงเหมือนระเบิด ตั้งแต่เริ่มอ่านพระคัมภีร์ ไบเบิล เวลาประมาณ 7.00 น. (เร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชม.) จากนั้น ทุกคนก็พากันวิ่งโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปมอง เห็นคนข้างหลังหลายคนนอนอยู่บนพื้น
หลังเกิดเหตุ มหาวิทยาลัยมินดาเนา ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ สั่งระงับการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด และประกาศเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่วน มาจุล กันดามรา นายกเทศมนตรีเมืองมาราวี ขอให้ชุมชนชาวมุสลิมและคริสต์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ายอมให้เหตุรุนแรงมาบดบังการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติมาอย่างยาวนาน
ทางด้าน ตำรวจกำลังสอบสวนว่า เหตุระเบิด เกิดจากระเบิดแสวงเครื่อง หรือระเบิดที่ปาเข้าไป ส่วนมูลเหตุจูงใจ มุ่งประเด็นที่ว่า เป็นการล้างแค้นที่กองทัพโจมตีทางอากาศ สังหารสมาชิก 11 คนของกลุ่มสุดโต่ง “เดาเลาะห์ อิสลามิยาห์-เมาเต” ในจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันศุกร์หรือไม่
มินดาเนา เป็นเกาะใหญ่อันดับสองของฟิลิปปินส์ มีพรมแดนติดกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย และเป็นพื้นที่ก่อความไม่สงบต่อต้านรัฐบาลมะนิลามาอย่างยาวนาน ประชากรฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่เป็นชาวแคทอลิก แต่มินดาเนา เป็นพื้นที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม โดยเฉพาะเมืองมาราวี เป็นเมืองมุสลิมใหญ่ที่สุดของประเทศ และเคยถูกกลุ่มติดอาวุธนำโดยไอเอส บุกยึดเมื่อปี 2560 ก่อนกลายเป็นสมรภูมิยืดเยื้อ 5 เดือน มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ประชาชนในเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงต้องพากันหลบหนีกว่า 3 แสน 5 หมื่นคน ก่อนรัฐบาลเข้าปลดปล่อยได้ในที่สุด