topnewsได้ข้อมูลสำคัญจากแหล่งข่าวรายหนึ่งที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน บุคคลผู้นี้รู้จักกับเสี่ยแป้งเป็นการส่วนตัวมาเป็นเวลานาน เปิดเผยฐานะทางการเงินของนายชวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง ก่อนที่จะสูญสิ้นอิสรภาพ ว่า ย้อนไป5-6ปีก่อน เสี่ยแป้งเริ่มเป็นที่รู้จักในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จากการเป็นสายให้ตำรวจในการปราบปรามยาเสพติด โดยการลงพื้นที่หาข่าวนักค้ายาทั้งรายใหญ่รายย่อย ส่งให้ตำรวจก่อนที่จะเข้าจับกุม ทำให้ตำรวจทั้งจังหวัดพัทลุง และตำรวจภูธรภาค 9 ต่างรู้จักเสี่ยแป้งเป็นอย่างดี
ข่าวที่น่าสนใจ
จนกระทั่งเสี่ยแป้งเริ่มเห็นช่องทางในการทำเงิน จากนักค้ายา จึงได้ตัดสินใจอุ้มนักค้ายาไปต่อรองเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุมตัว แต่ช่วงแรก เสี่ยแป้งยังไม่มีข้อมูลนักค้ายารายใหญ่ จึงทำได้เพียงแค่อุ้มนักค้ายารายย่อย ไป รีดไถหรือตบทรัพย์ ต่อมา มีตำรวจบางคนเริ่มเข้ามาช่วยเสี่ยแป้ง ซึ่งมีการต่อรองถึงผลประโยชน์กัน บางครั้งมีตำรวจระดับรองผู้กำกับสภ.ขับรถให้เสี่ยแป้ง ไปปฏิบัติงานเลยก็มี เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้กลุ่มนักค้ายาทั้งรายเล็กรายใหญ่ ต้องยอมเสี่ยแป้งเกือบทุกคน โดยปฏิบัติการอุ้มนักค้ายาหลายครั้ง ในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา มีบางเหตุการณ์ตกเป็นข่าวดัง รวมไปถึงการอุ้ม นายจรวด หรือนายสิทธิเดช ทรงเดชะ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2562 ต้นเหตุที่ทำให้เสี่ยแป้งติดคุก
แหล่งข่าวรายนี้ยังให้ข้อมูลที่สำคัญว่า ธุรกิจการอุ้มรีดนักค้ายาของเสี่ยแป้งมีตำรวจ คุ้มครองอยู่ ตั้งแต่ชั้นประทวนไปจนถึงระดับนายพล โดยเฉพาะนายพลตำรวจรายหนึ่ง ที่เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดในจังหวัดพัทลุง ที่ดูแลเสี่ยแป้งมาโดยตลอด ซึ่งเสี่ยแป้งก็ตอบแทนโดยซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ราคากว่า40ล้านบาท ให้กับนายพลตำรวจที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายพลตำรวจรายนี้
อย่างไรก็ตามธุรกิจดังกล่าว ไม่สามารถทำให้เสียแป้งเก็บเงินไว้กับตัวได้ จึงต้องมีการ ถ่ายเทไปยัง คนในครอบครัวหรือญาติพี่น้อง รวมแล้วนับร้อยล้านบาท เห็นได้จากเสี่ยแป้ง เคยลงสมัครเลือกตั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องใช้เงิน เป็นจำนวนมากในการหาเสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
