ชายอเมริกันคนหนึ่งในรัฐเมน ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ ถูกรางวัลแจ็คพอต เมกะ-มิลเลียน 1 พัน 350 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ถือเป็นเงินรางวัลแจ็คพอตสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์สหรัฐ เขาเลือกรับเงินก้อนแบบครั้งเดียว 724 ล้านดอลลาร์ หักภาษีแล้วจะเหลือราว ๆ 498 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยตอนนี้ ก็ประมาณ 1 หมื่น 7 พัน 500 ล้านบาท พร้อมปกปิดชื่อและตัวตนเป็นความลับ
ที่กลับมาเป็นข่าว เพราะเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ชายคนนี้ได้ยื่นฟ้องแฟนเก่า ซึ่งเป็นแม่ของลูกสาวของเขาด้วย ฐานนำเรื่องที่เขาถูกรางวัลเป็นเศรษฐีใหม่ไปบอกพ่อกับแม่เลี้ยงของเขา ซึ่งถือเป็นการละเมิด สัญญารักษาความลับ ที่สองฝ่ายเซ็นร่วมกัน พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นตัวเลขถึง 6 หลัก
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คนที่ถูกรางวัลมหาศาล ปกป้องตัวเองด้วยการเก็บเป็นความลับ เปลี่ยนเบอร์มือถือ ป้องกันคนขอเงิน ทั้งยังแนะนำให้จ้างผู้รับมอบอำนาจเก็บเงิน และไม่ให้ชื่อแพร่งพร่ายออกไปเด็ดขาด ชายคนนี้ปฏิบัติตามคำแนะนำครบทุกอย่าง และไปไกลกว่านั้นอีกด้วยการจับแฟนเก่ามาเซ็นสัญญารักษาความลับอีกชั้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ และลูกสาว สัญญานี้มีผลถึงวันที่ 1 มิถุนายนปี ค.ศ. 2032 หรือเมื่อลูกสาวอายุ 18 ปี แลกกับการจ่ายค่าเลี้ยงดูและเงินสนับสนุนแก่เธอ หากละเมิด เจ้าของแจ็คพอต มีสิทธิ์ยื่นฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้โดยไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
แม่ของลูกสาวตกลงว่าจะไม่บอกใครเลย เว้นแต่ผู้รับที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งหมายถึงลูกสาว ทนายของเขา ที่ปรึกษาการเงิน นักบัญชี และคนอื่นๆที่จำเป็นต้องรู้ แต่ “คนอื่นๆ”ที่ว่า จะต้องได้รับอนุมัติจากเจ้าของรางวัลแจ็คพอตก่อน
แต่แล้วเธอก็หลุดปาก ขณะคุยโทรศัพท์กับพ่อและแม่เลี้ยงของเขาเมื่อเดือนกันยายน และน้องสาวของเขาก็พลอยรู้ไปด้วยจากปากต่อปาก ผู้ฟ้องระบุว่า การกระทำของเธอก่ออันตรายอย่างไม่สามารถเยียวยาได้ เขาถูกคนในครอบครัวรังควาญและได้รับผลกระทบทางจิตใจ ในคำฟ้องนี้ เขาขอให้ศาลออกคำสั่งให้เธอเปิดเผยว่าได้ละเมิดหรือบอกความลับนี้ให้ใครบ้าง และจ่ายค่าทำขวัญ 1 แสนดอลลาร์ต่อการละเมิดข้อตกลง 1 ครั้ง
