วันที่ 22 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทอง แท้ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์เฟซบุ๊กถึงผู้นำประเทศ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้น มีความริษยาส่วนตัว อยู่เหนือความเดือดร้อนของประชาชน เพราะว่าพล.อ.ประยุทธ์ นั้นฉีดวัคซีน แล้วแต่ประชาชนยังไม่ได้ฉีด ทั้งยังบอกว่า นายกฯ นั้นเป็นคนใจแคบไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศ เรื่องนี้ ตนบอกไปทางนายพานทองแท้ เลยว่านายกรัฐมนตรี นั้นไม่ได้ความริษยาอะไรนายทักษิณแม้แต่น้อย เพราะตัวนายทักษิณที่ผ่านมามีอะไรน่าให้ริษยา เป็นนักโทษหนีคดี ต้องหนีออกนอกประเทศ อยากกลับมาประเทศไทยก็กลับไม่ได้ เพราะกลับมาแล้วต้องติดคุก การทำงานก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลใจซื่อ มือสะอาด ไม่เคยมีประวัติทุจริตด่างพร้อย เหมือนพ่อของนายพานทองแท้ ที่ต้องคดีทุจริต จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ออกนอกประเทศ นอกจากนั้นแล้วในสมัยบริหารราชการแผ่นดิน ก็ถูกกล่าวหา บริหารงานเอื้อประโยชน์ วงศาคณาญาติ และ พวกฟ้องมาโดยตลอด แม้แต่กับประชาชน นายทักษิณ ยังแบ่งแยกจังหวัดไหนเลือกนายทักษิณ ก็จะได้รับการดูแลก่อน จังหวัดไหนไม่เลือกก็ไร้การเหลียวแล หรือ ได้รับการดูแลทีหลัง เรื่องแบบนี้มันน่าอิจฉาตรงไหน
ขณะที่ตัวนายกรัฐมนตรีฉีดวัคซีน ก่อน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลก เพราะแทบทุกประเทศ ผู้นำประเทศ ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ในฐานะผู้นำประเทศ พิสูจน์ให้เห็นว่าวัคซีนเหล่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายกย่องเสียด้วยซ้ำ ที่ผู้นำประเทศ มีความกล้าหาญ ในสภาวะ ที่โลกต้องรีบเร่งพัฒนาวัคซีนออกมาเพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ทุ่มเทสรรพกำลัง เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับทีมแพทย์ และสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญในทุกภาคส่วน ส่วนสิ่งที่นายทักษิณเสนอมาก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ล้วนแล้วแต่รัฐบาลได้ลงมือทำไปแล้วทั้งสิ้น
“นายพานทองแท้ ไม่ต้องมาพูดในลักษณะที่เป็นการยกความดีความชอบให้พ่อตัวเอง แล้วก็แซะท่านนายกฯถ้าพ่อของพานทองแท้หวังดีกับประเทศไทยจริง สิ่งที่พ่อของนายพานทองแท้ต้องทำอย่างแรกเลยคือเคารพกฎหมายของประเทศไทยเสียก่อน นี่ขนาดกฎหมาย และ ขบวนการยุติธรรม ของประเทศยังไม่ยอมรับ แล้วบอกว่าหวังดีกับประเทศไทย คนแบบนี้ใช้ได้เสียที่ไหน”
