กลุ่มเกษตรกรพื้นที่ห้วยใหญ่ รวมตัวทวงถามความคืบหน้า โครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ หลังเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ เรื่องเงียบหาย หวั่นถูกลอยแพ หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ได้มีมติเดินหน้าโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ กรอบวงเงินลงทุน 1.35 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าติด 1 ใน 10 เมืองน่าอยู่อัจฉริยะของโลกในปี 2580โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์ธุรกิจและเมืองน่าอยู่อัจฉริยะต้นแบบ สำหรับการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะทั่วประเทศไทยในอนาคต ซึ่งดำเนินการด้วยพันธกิจ คือ 1.พัฒนาพื้นที่ศูนย์ธุรกิจศูนย์การเงิน 2.พัฒนาพื้นที่สำหรับศูนย์ราชการสำคัญ ศูนย์วิจัยและพัฒนา สถาบันการศึกษา 3.พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัย น่าอยู่สำหรับคนทุกกลุ่ม 4.เป็นศูนย์ธุรกิจและเมืองน่าอยู่อัจฉริยะนำร่องที่รัฐเป็นเจ้าของที่ดิน เอกชนเป็นผู้ร่วมลงทุน และประชาชนเจ้าของพื้นที่มีส่วนร่วมในการลงทุน อีกทั้งครม. เห็นชอบ สกพอ. เข้าใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. 14,619 ไร่เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ คาดสร้างการลงทุน 1.34 ล้านล้านบาท เกิดการจ้างงานใหม่ 200,000 ตำแหน่ง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 มี.ค. 2565 ได้อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จำนวน 14,619 ไร่ ในท้องที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ต.ค.66) ที่ โรงเรียนชากแง้ว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง กลุ่มเกษตรกร พื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ กว่า 50 คน ได้ประชุมรวมตัวทวงถามความคืบหน้าของโครงการศูนย์ธุรกิจ และ Smart city EEC เมืองใหม่น่า อยู่อัจฉริยะ แต่สุดท้ายมาวันนี้เรื่องกับเงียบหาย ทำให้ชาวบ้านหวั่นโครงการไม่เกิดและอาจถูกลอยแพ ส่งผลกระทบต่อการทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพในอนาคต
ทั้งนี้ในที่ประชุม กลุ่มเกษตรกร พื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ ได้แถลงการณ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้ จากการที่คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้วได้อนุมัติให้ส.ก.พ.อได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2566 ภายใต้แผนบูรณาการเขต พิเศษภาคตะวันออกสำหรับโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ที่ตั้งตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่เฟส 1 รวมทั้งสิ้น 14,619 ไร่ แผนปฏิบัติการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 กำหนดให้การพัฒนาพื้นที่โครงการแบ่งออกเป็น 3 ระยะโดยระยะที่ 1 ใช้พื้นที่จำนวน 5,795 ไร่ สำหรับการพัฒนาศูนย์กลางการเงิน ศูนย์ธุรกิจ ศูนย์การแพทย์แม่นยำและ การแพทย์เพื่ออนาคต สถานที่ราชการ ที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคโดย สกพอ ได้ทำการจ่าย ค่าชดเชยให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในพื้นที่โครงการครบทั้ง 72 แปลง ขนาดพื้นที่ระยะที่ 1 ประมาณ 2,483 ไร่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,499,7967 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ทำให้ยังเหลือพื้นที่ที่ต้องจัดหาอีกจำนวน 3,312 ไร่โดย สกพอ.ได้ดำเนินการสอบถามเกษตรกรผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ที่ดินจำนวน ประมาณ 120 แปลงประมาณ 3,312 ไร่ เพื่อจ่ายค่าชดเชย เวลาผ่านไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ปัจจุบัน EEC ได้มีเลขาคนใหม่ คือ ดร. จุฬา สุขมานพ ที่เข้ามารับตำแหน่งผ่านไปเกือบ 6 เดือนแล้ว เกษตรกรยังไม่ได้รับการประสานงานในพื้นที่ว่าโครงการดังกล่าวจะดำเนินต่อไป ตามแผนที่แจ้งกับที่ประชุมผู้ครอบครองที่ดินหรือไม่อย่างไร ทำให้เกิดผลเสียหายกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งต้อง วางแผนล่วงหน้าเป็นปี เกษตรกรบางรายตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นผลให้โครงการอาจจะไม่ได้ใช้พื้นที่ทั้งหมด ตามแผนที่วางไว้ จึงต้องมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังท่านเลขา EEC และท่านรองนายก ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ได้รับมอบหมายและ มอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการแทนนายกรัฐมนตรี ในคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 253/2566
ด้านน.ส.ปภัสรา เคลือบมาศ เกษตรกร กล่าว่า ด้วยที่ดินอยู่ในโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ซึ่งเนื้อที่เฟส 1 อยุ่ที่ 14,619 ไร่ ระยะที่ 1 5,795 ไร่ ซึ่งทาง EEC ได้มีการจ่ายเงินเวียนคืนกลุ่มที่ 1 ไปประมาณ 2,400 กว่าไร่ วง 1,500 ล้าน ไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 และหลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็เงียบหายและยังไม่มีการดำเนินการอะไรต่อ ทำให้วันนี้กลุ่มเกษตรกรจึงได้รวมตัวกันเพื่อทวงถามความคืบหน้าโครงการนั้นทางEEC จะดำเนินการต่อหรือไม่ ด้วยไม่มีการประสานงานในพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เกษตรกรรมจะต้องมีการวางแผนต่อในการเพราะปลูกล่วงหน้าเป็นปี หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดความเสียหายบ้างแปลงที่จะเข้าร่วมโครงการแต่ทางEEC ก็ไม่มีการดำเนินการอะไรพืชผลเกิดความเสียหาย หากจะต้องลงทุนก็จะต้องหาเงินทุนมาลงทุนต่อไป ฝากรัฐบาลชุดใหม่เร่งหาคำตอบให้กับชาวบ้านว่าจะยังคงจะเดินหน้าโครงการต่อหรือไม่ และให้คำตอบกับชาวเกษตรกรพื้นที่ห้วยใหญ่เป็นการเร่วด่วน
ขณะที่สำเริง สุเจริญลาภ อีก 1 เกษตรการพื้นที่ห้วยใหญ่ กล่าวว่า ตัวเองเป็นเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่โครงการดังกล่าว และมีพื้นที่อยุ่ในโครงการ 14,000 ไร่ ซึ่งโครงการนี้ได้เริ่มไปในระยะเฟส 1 ที่มีการโอนที่ไปแล้ว ส่วนของพื้นที่ที่จะถูกเวียนคืน 50 ไร่ ปลูกยางมา 10 กว่าปี เต็มพื้นที่ และผลกระทบจากการดำเนินโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ด้วยมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แนวโน้มของการสานต่อโครงการนี้หวั่นจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเรื่องเงียบหายไปไม่มีการติดต่อมาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมายังกลุ่มเกษตรกรแต่อย่างใด ทำให้เกษตรกรจึงต้องออกมาทวงถาม หากโครงการไม่ดำเนินการต่อเกษตรกรจะได้นำที่ดินไปทำการเกษตรต่อไป ด้วยการทำการเกษตรต้องใช้ระยะเวลากว่าจะได้ผลผลิตและสร้างเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป
ส่วนนายวิโรจน์ กำเนิดสกุลชัย เกษตรกรพื้นที่ห้วยใหญ่ กล่าวว่า สำหรับโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะนั้นคนในพื้นที่มองเห็นประโยชน์หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งคนในพื้นที่และประเทศไทยด้วย แต่ปัจจุบันเรื่องการดำเนินโครงการกับเงียบหายไปเกษตรกรที่รอค่อยโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้น จึงไม่มีความมั่นใจว่าโครงการจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินโครงการให้กับเกษตรพื้นที่ห้วยใหญ่ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านและกลุ่มเกษตรกรต่อไป

ภาพ/ข่าว อนันต์ กิ่งสร ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง