No data was found

สั่งจำคุก การ์ดวีโว่ ปลุกม็อบชุมนุม ป่วนสถานทูตเมียนมา โดนชุดคฝ.สกัดปาก้อนหินใส่ เจ็บระนาว

กดติดตาม TOP NEWS

สั่งจำคุก การ์ดวีโว่ ปลุกม็อบชุมนุม ป่วนสถานทูตเมียนมา โดนชุดคฝ.สกัดปาก้อนหินใส่ เจ็บระนาว

 

21 สิงหาคม 2566 บัญชีทวิตเตอร์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 7 ปชช. คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมา ต้านการรัฐประหาร มิน อ่อง หลาย เมื่อปี 64 ขณะปัณณพัทธ์ นศ. มธ. ไม่ได้รอลงอาญา

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 7 จำเลยในคดี #ม็อบ1กุมภา หรือ #StandWithMyanmar ซึ่งถูกจัดขึ้นหน้าสถานทูตเมียนมา เพื่อต่อต้านการรัฐประหารของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หลาย ในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564

ศาลพิพากษาว่าจำเลย 7 มีความผิดในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ – ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ฯ พิพากษาจำคุกและปรับจำเลยทุกรายต่างกันไปตามพฤติการณ์และการสู้คดี ดังนี้

จำเลยที่ 1 ปัณณพัทธ์ จันทนางกูล – ถูกจำคุกรวม 12 เดือน ได้ลด 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 4 เดือน 20 วัน

จำเลยที่ 2 เกียรติศักดิ์ พันธุ์เรณู – ถูกจำคุกรวม 3 ปี 1 เดือน ปรับ 40,000 บาท ได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน 15 วัน ปรับ 20,000 บาท

จำเลยที่ 3-7 หัสดินทร์, พัชรวัฒน์, ใบบุญ, ณัฐพงศ์ และชาญชัย – ถูกจำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 60,000 บาท ได้ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี 15 วัน ปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกของจำเลยที่ 2-7 ได้รอลงอาญาไว้ ยกเว้นของจำเลยที่ 1 ไม่ได้รอลงอาญา ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการยื่นประกันตัว

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2564 พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้นำตัวนายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล อายุ19 ปี และนายเกียรติศักดิ์ พันธ์เรณู อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจากกรณีเกิดเหตุชุลมุนกลางถนนสาทร หลังกลุ่มการ์ดวีโว่ร่วมชุมนุมต้านการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ที่หน้าสถานทูตเมียนมาในประเทศไทย จนมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 นาย มาฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 2-13 ก.พ. 2564 เนื่องจากยังต้องสอบพยานอีก 5 ปากและรอผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ต่อมาเวลา 14.45 น.ของวันเดียวกัน ประชาชนชาวเมียนมาที่อยู่ในประเทศไทยเกิดความไม่พอใจจึงได้ออกมารวมตัวกันที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ต่อมาได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50-60 คนได้มาชุมนุมเรียกร้องและต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมา ทำการปราศรัยอยู่ที่บริเวณหน้าสถานทูตเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าไปทำการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ชุมนุมและบริเวณใกล้เคียง ต่อมา ผกก.สน.ยานนาวาได้ประกาศแจ้งเตือนให้นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ ผู้ถูกจับที่ 1 (ส่งศาลแขวงกรุงเทพใต้) นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมคนอื่นให้เลิกตามเวลาที่กำหนด ปรากฏว่าผู้ห้องหากับกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนไม่ยอมเลิกการชุมนุมในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงได้ทำการกระชับพื้นที่ผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม กระทั่งเวลา 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกระชับพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม นายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ได้ร่วมกันขว้างปาก้อนอิฐ ก้อนหิน ประทัดลูกบอล ควันและพลุสีเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน รวมทั้งนายปัณณพัทธ์ และนายเกียรติศักดิ์ ยังได้เข้าร่วมใช้กำลังกับตำรวจที่ทำการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการขว้างปาขวดน้ำ กรวยยาง หิน ก้อนอิฐใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน และยังใช้ท่อนเหล็กทุบตีแผงโล่ควบคุมฝูงชนจนได้รับความเสียหาย นอกจากนั้น มีการใช้ท่อนเหล็ก ติ้ว ตีและใช้แผงเหล็กทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บแก่กายจำนวน 14 นาย จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-3 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวาให้ดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนได้แยกนายวิชพรรษ ศรีกสิพันธ์ุ ไปที่ศาลแขวงฯ

โดยกล่าวหาว่า “มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 (2)

 

 

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาพนักงานสอบสวนขอค้านการประกันเนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หากให้ประกันตัวเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สพท." แตะมือ "สสส." ร่วมหนุนเสริมโครงการ Gig Worker กระทรวงแรงงาน หวังบรรเทาปัญหาปากท้อง "แรงงานอิสระ" สู้วิกฤตเศรษฐกิจเปราะบาง
สุดตื่นตา โขลงช้างป่าละอู กว่า 30 ตัว เล่นน้ำคลายร้อน นทท.แห่ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
วิกฤตภัยแล้งน้ำแห้งคลองชาวสวนทุเรียนขาดน้ำ ผลผลิตร่วงเสียหายต้นทุเรียนตาย ต้องซื้อน้ำรดพอประทังผลผลิตที่เหลือ วอนภาครัฐเข้าช่วยเหลือและเยียวยา
รวบแล้ว ไอซ์ ห้วยยายพรม ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้า ลักรถชาวบ้าน ขณะนั่งไลฟ์สดเย้ยตำรวจ
กลุ่มติดอาวุธ จับทหารเมียนมาหลายร้อยนาย หลังโจมตี-ยึดพื้นที่ตะวันตกของรัฐยะไข่ได้สำเร็จ
สะเทือนใจเด็กชายวัย 12 ปี ถูกแม่เมาสุราใช้มีดขว้างใส่ถูกคมมีดบาดขาเป็นแผลได้รับบาดเจ็บ เพื่อนบ้านเกรงเด็กได้รับอันตรายจึงขอความช่วยเหลือมูลนิธิเป็นหนึ่ง
เมียนมา กลุ่มติดอาวุธจับทหารเมียนมาหลายร้อยนายที่รัฐยะไข่
"ภูมิธรรม" ลั่น "ชลน่าน" ยังอยู่ในใจเสมอ ย้ำ 3 รัฐมนตรีหลุดครม. ไม่ได้ลาออกจากเพื่อไทย
บลูมเบิร์กชี้จีนจะมีบทบาทมากที่สุดต่อเศรษฐกิจโลกในอีก 5 ปี
ทัพ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ เยือนไทยปีนี้ ทะลุ 2 ล้านคนแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น