พท.กลับลำ 360 องศาสลายขั้ว “รัฐบาลพิเศษ”

เจาะเกมเพื่อไทยกลับลำ 360 องศา สลายทุกขั้วตั้ง “รัฐบาลพิเศษ” กรุยทางพรรคสีแดงจัดตั้งรัฐบาลพ่วงโหวตนายกรัฐมนตรีฉลุยหรือไม่ จับตา “อุ๊งอิ๊ง” ลงมือเจรจาก้าวไกลด้วยตนเองเปรียบเสมือนตัวแทนทักษิณพร้อมให้คำมั่นพรรคสีส้มทุกเรื่องหรือไม่

การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยในขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสามารถรวมขั้วการเมืองได้ทั้งสิ้น 228 เสียง จาก 6 พรรคการเมืองที่เพิ่มเข้ามา คือ ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และในวันนี้เพื่อไทยปิดอีกหนึ่งจ็อบด้วยการดึงพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมอีก 10 เสียง ทำให้เสียงการจัดตั้งรัฐบาลล่าสุดอยู่ที่ 238 เสียง

 

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือคำสัมภาษณ์ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ตอนนี้เสียงเพียงพอแล้ว พร้อมระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้เสนอว่าให้จัดตั้ง “รัฐบาลแบบพิเศษ” เพื่อแก้ปัญหาประเทศ ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้วแต่เป็นการสลายขั้วทั้งหมด

“วันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่าย เราสลาย เราไม่มีขั้ว ไม่มีลุง วันนี้อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกัน ทางที่ดีที่สุดคือให้ตอบสนองการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาของประเทศได้ และพยายามทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด”

 

 

แม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์ของ “แพทองธาร ชินวัตร” หรือ อุ๊งอิ๊ง ต่อหน้าบรรดาแฟนคลับที่พรรคเพื่อไทย โดยบุตรสาว “ทักษิณ ชินวัตร” ออกมาระบุในทำนองยอมสลายขั้วการเมือง

“ ที่มีคนพูดว่าเราจะปิดสวิตช์ ส.ว. ถ้าเราแลนด์สไลด์ แต่วันนี้เราทำไม่สำเร็จ ซึ่งเมื่อไม่สำเร็จก็ต้องมาดูตัวเลขว่าทำอย่างไรที่จะตั้งรัฐบาลได้ เราอยากผลักดันนโยบายพรรค พท. และพรรค พท.ก็ต้องสู้เต็มที่ ซึ่งตนรู้ว่าบรรดาแฟนคลับหลายคนเข้าใจ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจ ยังคงมีอารมณ์อยู่ ก็หวังได้อธิบายกันด้วยเหตุผล ไม่สู้กันด้วยความรุนแรง”

 

 

น่าสนใจยิ่งกับการตั้ง “รัฐบาลแบบพิเศษ” ที่ไม่มีขั้ว ไม่มีลุง ซึ่งคำพูดของภูมิธรรม และ แพทองธาร กำลังสื่อถึงอะไร หรือวันนี้ทุกอย่างพลิกผัน เพื่อไทยกำลังเล่นเกมสองหน้าด้วยการกลับลำ 360 องศา ยอมรับพรรคการเมืองทุกพรรคทั้งมีลุง และไม่มีลุง เข้ามาตั้งรัฐบาลแบบพิเศษหรือไม่

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แต่ที่น่าสนใจคือการมาของพรรคสองลุงจะมาในรูปแบบใดจะมาแบบทั้งพรรคหรือมาเป็นกลุ่มก๊วนตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เช่น กลุ่มของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีการประเมินว่าน่าจะมี สส.10 คน รวมถึงกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่ามี สส.ในมือ 10 คนเช่นกัน หรือแม้กระทั่งกลุ่ม สส. 19 คนพรรคประชาธิปัตย์ของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถ้าเป็นสูตรนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากถึง 277 เสียงที่มีเสถียรภาพ

ดังนั้นการที่ “ภูมิธรรม” ออกมาระบุว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลมีเสียงเพียงพอแล้วคือเรื่องจริง แต่ที่ยังไม่แล้วเสร็จในขณะนี้เป็นเพราะว่า แกนนำเพื่อไทยกำลังต่อรองตำแหน่งทางการเมืองกับ ร.อ.ธรรมนัส นายเฉลิมชัย และนายสุชาติอยู่เพื่อหาจุดที่ลงตัวหรือไม่ ดังนั้นปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยอาจกล่าวได้ว่า แทบจะลงตัวทุกกระบวนการแล้ว

เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น จึงต้องมาย้อนดูถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทยว่าจะไปสู่ฝั่งฝันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา “เศรษฐา” กำลังประสบภาวะวิกฤติผู้นำที่ สว.ตั้งคำถามถึงการแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงประเด็นการลบเลี่ยงภาษีจากการซื้อขายที่ดินที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง และสำคัญที่สุดคือจำนวน 277 เสียงรัฐบาลข้างมากของเพื่อไทยยังไม่เพียงพอที่ทำให้ “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากยังไม่ถึง 375 เสียง

 

 

ด้วยโจทย์การเมืองเช่นนี้ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลถือเป็นคีย์แมนสำคัญที่จะทำให้นายเศรษฐาก้าวสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้อย่างสง่างาม ดังนั้นจึงเป็นที่มาการปรากฎกายของ “แพทองธาร” บุตรสาวทักษิณ ที่นำทีมแกนนำ พรรค พท. ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินเท้าข้ามไปอาคารไทยซัมมิท เพื่อเข้าเจรจากับพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสักครั้งที่ แพทองธาร จะร่วมทีมเจรจาดังกล่าว ซึ่งแม้หลังการเจรจามีแกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนออกมาปฏิเสธว่า การเจรจาไม่เกี่ยวกับเรื่องให้ก้าวไกลการโหวตนายกฯให้พรรคเพื่อไทย แต่ในความเป็นจริงย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า แพทองธารมาเพื่อเรื่องอะไร

 

 

การออกมาเดินเกมของ น.ส.แพรทองธารด้วยตนเองในครั้งนี้ ในทางการเมืองถือว่า เป็นการทำหน้าที่ในฐานะร่างทรงของนายทักษิณ ต่อการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องใช่หรือไม่ และที่น่าสนใจคือ น.ส.แพทองธารพูดอะไร จึงทำให้ท่าทีของพรรคก้าวไกลอ่อนลง โดยเฉพาะการสัมภาษณ์ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า

“ได้รับฟังซึ่งกันและกัน แต่คงต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆ อยู่ ยังไม่มีบทสรุปอะไร เรารับฟังกันอย่างมืออาชีพ ส่วน จะต้องไปหารือกับ สส.ก่อนหรือไม่นั้น ยังไม่มีแผนต่อ วันนี้ขอแค่รับฟังกันอย่างเข้าใจ และมีวุฒิภาวะ”

ท่าทีของพรรคก้าวไกลผ่าน “พิธา” แม้จะไม่ได้ปฏิเสธ หรือยอมรับเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย แต่การสัมภาษณ์ในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ของ “พิธา” ในทางการเมืองถือว่า ยอมรับหรือไม่ เพราะด้วยอัตลักษณ์ของพรรคก้าวไกลจะเป็นไปในลักษณะ ถ้าไม่รับก็จะปฏิเสธทันที จึงเชื่อว่า การเจรจาของเพื่อไทย และก้าวไกลที่มีบุตรสาวของนายทักษิณลงมากำกับด้วยตนเองน่าจะเป็นผลบวกต่อพรรคเพื่อไทยมากกว่าเป็นลบหรือไม่

ดังนั้นเกม “เพื่อไทยกลับลำ 360 องศา” ด้วยสูตรการเมืองไม่มีขั้ว ไม่มีลุง เพื่อตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ จึงทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และการโหวตนายกรัฐมนตรีตกอยู่ในอุ้งมือของของเพื่อไทยอย่างอุ่นใจแล้วหรือไม่…ต้องจับตาดูกันต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568
เปิดตัวเลข "แรงงานไทย-กัมพูชา" เทียบค่าจ้างขั้นต่ำ 2 ประเทศ
ทีม JBC แถลงผลประชุมกัมพูชา ชี้ไทยผิดหวัง "ผู้นำฮุน" จ้องแต่ฟ้องศาลโลก เอา 4 พื้นที่พิพาท ยื่นคำขาดปิดด่าน
"สรรเพชญ" เตือนรัฐบาลเผชิญศึกนอกใน ระวังไทยเสี่ยงเสียบทบาทภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาขัดแย้งกัมพูชาโดนชาติอื่นแทรกแซง
4ส.15 สถาบันพระปกเกล้า ลุยอีสาน ศึกษาพื้นที่อุบลฯ จุดประกายแนวคิด “สันติสุข-พัฒนาชุมชน”
ไฟฟ้าตราด เผย จ.เกาะกง ยังใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทย พร้อมตัดไฟทันทีหากรัฐบาลมีคำสั่ง
จันทบุรี บรรยากาศด่านชายแดน หลังประชุม JBC แรงงาน มีการผ่อนคลายเล็กน้อย
ระทึก ทั้งร้านล้อรถพุ่งเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวโชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
"ปานเทพ" เสนอ 7 ข้อเรียกร้อง รัฐบาลสร้างความชัดเจน ผลเจรจา JBC ยกเลิกได้แล้ว MOU43-44
"นายกฯ" ย้ำไทยไม่รับอำนาจศาลโลก จวกผู้นำกัมพูชาสื่อสารไม่ตรงพูดคุย เจตนาปล่อยข่าว ข่มขู่ไม่เป็นผลดี 2 ปท.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น