วันที่ 23 ส.ค. 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.สเขต 2 พรรคพลังประชารัฐ จ.นครศรีธรรมราช นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมคณะลงพื้นที่ภาคใต้ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สุราษฏร์ธานี ,นครศรีธรรมราช และ จ.ตรัง เพื่อร่วมกิจกรรม “วันปลดล็อกพืชกระท่อม” โดยนายสมศักดิ์ และคณะจะเดินทางประกอบภารกิจใน 3 จังหวัดโดย โดยเครื่องบินตำรวจ King Air 350 (8 ที่นั่ง)จาก ท่าอากาศยานทหาร (บน.6) กรุงเทพฯ หลังจากประกอบภารกิจที่ จ.สุราษฏร์ธานีเสร็จแล้วได้เดินทางไปยัง ที่ ณ.ศาลาการเปรียญวัดมหิสสราราม ตำบลคลองกระบือ อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชจ.นครศรีธรรมราช โดยนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายศรัทธา ทองคำ นายอำเภอปากพนัง พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภจว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.วิระศักดิ์ ฝอยทอง ผกก.สภ.ปากพนัง นายยงยศ แก้วเขียว ประธานสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตลุมน้ำปากพนัง นายนนทรัตน์ หอมศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอปากพนัง และประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ประกอบด้วย ปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมท่ามกลางมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรมราช ได้กล่าวต้อนรับและขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ให้ความสำคัญกับประชาชนและดำเนินการปลดล็อตพืชกระท่อม จนเป็นผลสำเร็จ ตนในฐานะผู้ว่าราการจังหงวัดนครศรีธรรมราช และเป็นคน อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทมีการปลูกพืชกระท่อมแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศ และจุดที่ ต.คลองกระบือ อ.ปากพนัง เป็นพื้นที่ปลูกกระท่อมที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ แทนประชาชนที่ปลดล็อคให้พืชกระท่อมหลุดจากการเป็นยาเสพติด
หลังจากนั้นนายพงศธร สุวรรณฤทธิ์หรือ “ดีเจแข้ง” ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการแก้กฎหมายพืชกระท่อม สภาผู้แทนราษฏร ได้เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณนายสมศักดิ์ ที่ทำให้ความฝันของประชาชนที่บริโภคพืชกระท่อมเป็นจริง ทั้ง ๆ ที่ตนเองต่อสู้เรียกร้อง และลงทุนศึกษาวิจัยผลดีผลเสียจากการบริโภคพืชกระท่อมมา 25 ปี ผ่านรัฐบาลมาหลายรัฐบาลและ ส.ส.พรรคใหญ่มาหลายคน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั้งมาสำเร็จ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนพร้อมด้วยนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ได้เปิดเวทีประชาพิจารณ์เรื่องพืชกระท่อมเมื่อเดือน พ.ย. 2561 จนเมื่อนายสัณหพจน์ ได้รับการเลือกตั้งจึงนำเรื่องนี้เข้าไปต่อยอดในสภาผู้แทนราษฏรผ่านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่คิดว่าช่วงระยะเวลาแค่ 20 เดือนการปลอดล็อตพืชกระท่อมเป็นผลสำเร็จจากที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 มายาวนาน 78 ปี
ในขณะที่นายไพฑูรย์ อินทศิลา สื่อมวลชนอาวุโสประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้บริโภคกระท่อม หรือ “หวนท่อม”มานานถึง 3 ปี ได้มอบหัวนะโม รุ่นพระบรมธาตุมรดกโลก ที่จัดสร้างและประกอบพิธีมหาพุทธา-เทวาภิเษก ณ.พุทธสถานวัดเขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2563 จำนวน 106 หัว โดยมีวัตถุประสงค์การจัดสร้างเพื่อเพื่อเตรียมไว้แจกเป็นของที่ระลึกในงานอุปสมบท ของนายไพฑูรย์ อินทศิลา ที่เป็นคนคิดโครงการ “พระบรมธาตุสู่มรดกโลก” โดยประกาศว่าหากวันใดที่ยูเนสโกประกาศรับรองพระบรมธาตุเป็นมรดกโลกกจะบวชเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อระดมทุนสร้างโบสถ์วัดเขาพระทอง ให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับข้าราชการที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผลักดันปลดล็อคพืชกระท่อม
“อย่างไรก็ตามนายพงศธร สุวรรณฤทธิ์ หรือ “ดีเจแข้ง” ได้ก้มกราบแทบเท้าของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยประชาขชนปลดล็อคพืชกระท่อมพ้นขากการเป็นยาเสพติด ท่ามกลางการปรบมือแสดงความยินดีและขอบคุณเสียงดังสนั่น ในขณะที่นายพงศธร หรือ “ดีเจแข้ง” รู้สึกตื้นตันใจน้ำจาไหลคลอเบ้า”
ต่อมานายสมศักดิ์ เทพให้เกียรติมอบประกาศนียบัตรพร้อมถ่ายรูปคู่กับผู้ได้รับใบประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนพื้นที่นำร่องในการควบคุมพืชกระท่อม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ณ ศาลาวัดมหิสสราราม มีผู้เข้ารับใบประกาศ จำนวน 42 คน ร่วมกันปลูกต้นฟ้าทะลายโจร ตามโครงการฟ้าทะลายโจร 12 ล้านต้น (ปลูกเดือนแม่ เก็บเดือนพ่อ)
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า แม่ตนจะไม่รู้จัก ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพืชกระท่อม เมื่อนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง นำเรื่องนี้มาเสนอและให้รายละเอียดข้อมูล พบว่าที่ผ่านมามีหลายนรัฐบาลมีความพยายามจะจะปลดล็อคพืชกระท่อมมาแล้ว 7 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ตนจึงตั้งใจที่จะปลดล็อคพืชกระท่อมให้ได้และใช้เวลา 20 เดือนประสบความสำเร็จ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(24 ส.ค.) พืชกระท่อมก็ตะเป็นไทย จะเป็นพืชกระท่อมเสรี หลุดพ้นจากพันธการทางกฎหมายทุกอย่าง ยกเว้นการส่งออกและนำเข้าเท่านั้น ตนคิดว่าพืชกระท่อมจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญตัวหนึ่ง หากส่งเสริมให้ลดการปลูกยางพารา ปาล์ม หรือข้าว มาปลูกกระท่อมแทนน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะในยามที่พืชผลทางการเกษตรตัวอื่น ๆ ราคาตกประชาชนก็จะมีรายได้จากพืชกระท่อม ในตอนนี้ราคาพืชกระท่อมตกลงมาเหลือ กก.ละ 400-500 บาท หากราคาลดลงไม่ต่ำกว่า กก.ละ 200 บาทเกษตรกรก็คงจะอยู่ได้สบาย “ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกปลูกพืชกระท่อมได้ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะที่ อ.ปากพนัง เป็นต้นกำเนิดพืชกระท่อมที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก ดังนั้นหากจะต่อยอดไปจนถึงการส่งออกก็มีทิศทางที่ดี คุณภาพสู้มาเลเซียและอินโดนีเซียได้สบายมาก ในขณะนี้มีเพียงบริษัทของอินโดนีเซีย เพียงบริษัทเดียวที่ปลูกพืชกระท่อมเพื่อกหารส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 9,000 ล้านบาทต่อปี หากประเทศไทยส่งเสริมการปลูกเพื่อการส่งออกในอนาคตเชื่อว่าพืชกระท่อมปากพนัง และภาคใต้จะเป็นที่ต้องการของสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศอื่น ๆ มากกว่าพืชกระท่อมของมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างแน่นอน”
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่าในพืชกระท่อมมีสารอยู่ 2 ตัวตัวแรกสามารถนำไปผลิตเป็นมอร์ฟีนเพื่อใช้ในทางการแพทย์เป็นมอร์ฟีนที่มีคุณภาพดีกว่ามอร์ฟีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถึง 8 เท่า และมีผลกระทบข้างเคียงน้อยกว่ามอร์ฟีนทั่ว ๆ ไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารอีกตัวหนึ่งที่ช่วยให้ไม่เมื่อยล้าทำงานได้แข็งแรงและทนมากขึ้น จึงนิยมใช้กันในหมู่ประชาชนคนทำไร่ ทำนา และใช้แรงงานทั่ว ๆ ไป .
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช