กกต.ตีกรอบลุยสอบ “พิธา” ถือหุ้นไอทีวีรอสรุปผลนำร้องศาลรธน.

กกต.ตีกรอบลุยสอบ "พิธา" ถือหุ้นไอทีวีรอสรุปผลนำร้องศาลรธน.

วันที่ 29 มิ.ย.66 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายแสวง บุญมี เลขาฯคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคดีหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิตเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลว่า เรื่องนี้มีความซับซ้อนโดยเฉพาะตัวกฎหมาย โดยเงื่อนไขแรกห้วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง คือการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ตามกระบวนการจะต้องส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา โดยจะเชิญผู้สมัครมาชี้แจงหรือไม่มาชี้แจงก็ได้ เงื่อนไขที่ 2 หลังการเลือกตั้ง กรณีเห็นว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามจะดำเนินการตามมาตรา 151 ตามพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นการดำเนินคดีอาญา จะต้องแจ้งให้กับผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจง โดยจะต้องดูเอกสารหลักฐานอย่างครบถ้วนปราศจากข้อสงสัย แล้วดูเจตนาประกอบด้วย ส่วนเงื่อนไขหลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้งวิธีการ คือตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีนี้จะเชิญผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.มาชี้แจงหรือไม่ก็ได้ อยู่ที่ว่ากกต.มีหลักฐานหรือเห็นเป็นความปรากฏ ซึ่งในชั้นนี้ผู้ที่สามารถวินิจฉัยได้คือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ กกต.

 

ส่วนที่มีกระแสข่าว กกต.จะเชิญนายพิธามาชี้แจงนั้น เลขาฯกกต. ระบุว่า เป็นอำนาจของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่กกต.ตั้งขึ้น ถ้ามีมูลก็เชิญ แต่ถ้าดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเชิญหรือไม่เชิญมาก็ได้ หากมีหลักฐานเพียงพอที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นคณะกรรมการสืบสวนยังไม่รายงานการดำเนินการตรวจสอบให้ กกต.พิจารณาจนกว่าจะสืบสวนเสร็จ เนื่องจาก กกต.และสำนักงานไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนได้ โดยกรอบการพิจารณา 20 วันแรกจะครบกำหนดกรอบแรกในวันที่ 3 กรกฏาคม แต่หากไม่เสร็จสามารถยื่นขอขยายเวลาดำเนินการอีก 15 วัน เบื้องต้นยังไม่เห็นว่ามีการยื่นหนังสือขอขยายเวลาตรวจสอบ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนจะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในกรณีดังกล่าว ก่อนการโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า กกต.จะต้องมีการประชุม แต่ท่านจะดูว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานแค่ไหน เพียงพอที่จะส่งให้ศาลวินิจฉัยได้หรือไม่ ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่กกต.จะต้องส่งศาลให้วินิจฉัยก่อนโหวตนายกฯ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ กกต.ที่จะต้องมาพิจารณา กกต.ทำงานตามเวลาที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตรวจสอบตามมาตรา 151 ซึ่งต้องหาพยานหลักฐานให้แน่นหนา เพราะเป็นคดีอาญา รวมทั้งดูเจตนาด้วย ส่วนการดำเนินการรัฐธรรมนูญมาตรา 82 กรณีสงสัยคุณสมบัติของ ส.ส. ตอนนี้กกต.ประกาศรับรองผลได้เพียง 1 สัปดาห์ และเมื่อมีผู้มายื่นร้องด้วย กกต.ก็คงจะพิจารณา

 

นายแสวง ยังกล่าวถึงกรณี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เข้าหารือเข้ามอบหลักฐานกับ กกต.กรณีนายพิธาเมื่อ 28 มิถุนายนว่า ท่านไม่ได้มาตามเรื่องพิธา แต่ท่านได้มาพูดเรื่องการเมือง การเลือกตั้งเกิดปัญหาต้องการการสนับสนุนอย่างไรบ้าง และได้นำหลักฐานประกอบคดีหุ้นนายพิธามามอบให้ ซึ่งจากนี้ สำนักงาน กกต.ก็จะนำหลักฐานไปประกอบการพิจารณาคดี ทั้งกรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 กรณีสงสัยคุณสมบัติของ ส.ส.จะต้องมีการเข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีมาตรา 82 นั้นมีคนร้องเข้ามาแล้ว แต่ขณะนี้ทางสำนักงานยังไม่ได้สรุปเรื่องส่งคณะกรรมการ ทั้งนี้เมื่อถามเหตุใดกรณีนี้ถึงใช้เวลานาน นายแสวงได้เลี่ยงการตอบคำถาม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543
สถานทูตในอิหร่านเตือนคนไทยออกจากเตหะราน
ครม. เห็นชอบแต่งตั้ง "เกษร" เป็นผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
อิสราเอลขู่คาเมเนอีระวังมีชะตากรรมเหมือนซัดดัม
ศน. ประกาศผลประกวดบรรยายธรรมระดับประเทศ 24 เยาวชนคนเก่ง รับโล่พระราชทาน "กรมสมเด็จพระเทพฯ"
“ไพบูลย์” ย้ำพปชร.ไม่ร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” หาก “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากพรรคร่วม
สร.รฟท. ลงพื้นที่อีสาน ให้กำลังใจทหาร "ตาเมือนธม" คารวะทำหน้าที่ ปกป้องอธิปไตยแผ่นดิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น