จากกกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งให้ ส.ส.แต่ละพรรคไปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร ภายในวันที่ 16 – 30 เมษายน 2564 ซึ่ง ส.ส.พรรคก้าวไกล จะเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้ทันที ถือเป็นส.ส.กลุ่มแรกๆ ทำให้มีเสียงวิจารณ์ตามมาโดยเฉพาะในโลกโซเชียล เช่น ด่าลุงตู่รัฐบาลทุกวันแต่ยังเสนอหน้าไปรับวัคซีน ,ให้สาวกเป่าหู ปั่น ปล่อยข่าว จนชาวบ้านกลัว แล้วตัวเองก็สวมบทพระเอก กล้าตาย เพราะก่อนหน้านี้ทราบกันดีว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลต่างวิจารณ์วัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาอย่างหนัก
ต่อมามีความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ของพรรคก้าวไกล เมื่อได้โพสต์ข้อความตอบโต้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ โดยยืนยันว่า เราชี้แนะวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการไม่ให้ ส.ส. ไปฉีดวัคซีน วัคซีนไม่ใช่ของลุงตู่คนเดียว ทวิตเตอร์ของพรรคก้าวไกล ยังโพสต์อีกว่า รัฐบาลแถลงวันนี้เองว่าจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ 5 แสนคนทั่วประเทศ แต่ฉีดได้ยังไม่ถึงครึ่ง คงต้องถามกลับแล้วว่าทำไมถึงยังฉีดไม่ครบสักที ส่วนเราได้รับประสานจากทางสภาเชิญให้ไปฉีดก็ไปทันที ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และลดภาระระบบสาธารณสุขหากติดเชื้อ
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล และยังเป็นผู้นำเรื่องวัคซีนไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวอ้างว่า วัคซีนไม่ได้เป็นของรัฐบาล และไม่ได้เป็นของคุณอนุทิน แต่วัคซีนทุกซีซีมาจากเงินภาษีของประชาชนทุกคน และการฉีดตามแผน เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่ทุกคนควรร่วมมือ เมื่อสภาฯ ประชาสัมพันธ์ให้ฉีดวัคซีน โดยมีกำหนดการมาให้ส.ส. ก็ควรไปฉีดตามแผนที่สภากำหนด ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม
อย่างไรก็ตามบรรดาผู้ใช้โซเชียล ยังได้ขุดโพสต์เก่าของนายวิโรจน์ มาเปรียบเทียบกับโพสต์ปัจจุบัน จากเดิมที่นายวิโรจน์เคยโพสต์ว่า ตราบใดที่วัคซีนยังมีจำกัด จะไปแย่งประชาชนฉีดได้อย่างไร แต่เวลานี้กลับโพสต์อ้างว่า ก็ต้องไปฉีดตามหมาย เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน ทำให้ผู้ใช้โซเชียลต่างวิจารณ์ว่า สงสัยนายวิโรจน์ความจำสั้น หรือ ตัวอย่างนักการเมืองสับปรับ