ศาสตราจารย์ลีโอ ยี ซิน ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติของสิงคโปร์ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNA ว่า การติดเชื้อโควิด 19 แม้จะได้รับวัคซีนแล้ว ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป โดยขณะนี้ สิงคโปร์มีคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 4 ล้านคน และมีการรายงานการติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน ซึ่งก็จัดว่ามีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด 2-3 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 แล้ว
ข้อมูลได้แสดงว่า แม้จะเป็นสายพันธุ์เดลต้า แต่วัคซีนยังมีประสิทธิผลที่ดีมากในการป้องกันความรุนแรง และการเจ็บป่วย ผู้เชี่ยวชาญได้ยกตัวอย่างเช่น บุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีนอายุ 60-69 ปี มีความเสี่ยง 17 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเกิดโรคร้ายแรงเมื่อติดเชื้อโควิด 19 ความรุนแรงของอาการอาจถึงขั้นต้องใช้ออกซิเจนเข้าช่วย ในขณะที่หากฉีดวัคซีนแล้ว ความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงหลังติดเชื้อนั้นจะลดเหลือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ และจะมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนหรือไม่ก็ตาม จะหลั่งไวรัสมากมาย ในสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจในช่วงระยะแรกของการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว มักจะสามารถควบคุมไวรัสได้ดีกว่ามาก ดังนั้นจึงทำให้ระยะเวลาในการติดเชื้อสั้นลง การฉีดวัคซีน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้ สำหรับการปกป้องทุกคนในชุมชน และเพื่อปกป้องผู้สูงอายุและประชากรกลุ่มเสี่ยง
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ถึงการฉีดบูสเตอร์ ว่าเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหรือไม่ แต่มาตรการต่างๆ ก็ยังต้องทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม