ดร.มานะ ซัด คลัสเตอร์ทองหล่อ ต้นตอโควิดระบาด ต้องถูกประณาม-รับโทษอย่างรุนแรง

“เลขาฯองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น” ชี้ โควิดคลัสเตอร์ ทองหล่อ ต้องถูกประณามและรับโทษอย่างรุนแรง หลัง ผู้จัดการร้าน ถูกจับกุม เชื่อ เป็นการตัดตอน หวัง “นายกรัฐมนตรี” จัดการอย่างจริงจัง

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึง การระบาดของเชื้อโควิด 19 จากคลัสเตอร์ ทองหล่อ ที่มี นักการเมือง รัฐมนตรี หรือ คนในรัฐบาล รวมถึง นักธุรกิจ ที่เดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิง หรือ ผับ ในวันที่เกิดการระบาด ถือได้ว่า เป็นต้นตอของการระบาดใหญ่ ระลอกที่ 3 ซึ่งการระบาด ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของประชาชน หรือ เกิดจากตัวของเชื้อโรคเอง แต่กลับเป็น นักการเมือง หรือ คนในรัฐบาลทำเสียเอง จึงเห็นสมควรที่จะได้รับการประณามจากสังคม และต้องได้รับโทษอย่างรุนแรง เนื่องจาก รัฐบาล ในฐานะศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศบค.) เป็นผู้ออกกฏระเบียบการควบคุมต่าง ๆ ตามมาตราการ แต่กลับละเมิดกฎ กระทำเสียเอง และยิ่งไปกว่านั้น หากพิสูจน์ทราบว่า เป็นกลุ่มรัฐมนตรีฝ่ายรัฐบาลจริงที่ไปเที่ยวในคืนวันเกิดเหตุ ก็ถือว่ามีความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประชาชน ก็จะเกิดความเสื่อมในรัฐบาลทั้งคณะ

ขณะเดียวกัน ดร.มานะ ยังกล่าวถึงประเด็นต้นตอของการระบาดที่สำคัญนั้น มีความเชื่อมโยงกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และการเก็บรับส่วยสินบน ที่เป็นธุรกิจสีเทา สมประโยชน์ทั้งคนให้และคนรับ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่หากมีโอกาส การเรียกเก็บส่วยสินบน มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อีกทั้ง การเปิดให้บริการของสถานบันเทิงดังกล่าว ให้บริการอย่างผิดกฏหมาย เกินกำหนดเวลาให้บริการ และตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้กับโรงพยาบาล และโรงเรียนนานาชาติ ผิดต่อหลักกฏหมายอย่างแท้จริง

ซึ่งประเด็นนี้ ล่าสุดที่มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้จัดการร้านของสถานบันเทิงนั้น ตนมองว่า เป็นการตัดตอนที่จะสาวไปถึงเจ้าของตัวจริง หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และตนก็มีความคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำความจริงให้ปรากฏ จนนำไปสู่การแก้ไข แม้ว่า ประเทศไทย จะแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นได้ไม่หมด แต่ก็เชื่อในความเข็มแข็งของพลังประชาชน ที่ออกมาร่วมกันต่อต้าน จะสามารถควบคุมการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลมีความพยายามที่จะแก้ไขการทุจริต สังเกตได้จาก โครงการเยียวยาโควิด 19 ของรัฐบาลที่เข้มงวดมากขึ้น พบการทุจริตในโครงการน้อยลง แต่ที่น่าจับตากันต่อไป ก็คือ โครงการโคกหนองนา และโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ที่เริ่มจะพบว่า อาจมีการทุจริตเกิดขึ้นได้

สำหรับการระบาดในครั้งนี้ ถือเป็นการระบาดที่มีความร้ายแรง เทียบเท่ากับการระบาดในช่วงแรก เพราะเป็นเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ ที่เกิดการระบาดอย่างกว้างไกล จากชุมชนในเมือง ขยายตัวไปทั้งประเทศ สร้างความตื่นกลัว และส่งผลกระทบทั้งเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกัน การระบาดจะหมดไปในไม่ช้า

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปานเทพ" เผย "ท็อปนิวส์" ยอดบริจาค ผ่าน "คณะรวมพลังแผ่นดินฯ" พุ่ง 30 ล้าน ประสานทหารแล้ว นำจัดซื้อโดรน อุปกรณ์ป้องชายแดน พรุ่งนี้นัดรวมตัวฟังศาลรธน.ชี้คำร้องเอาผิดนายกฯ
"รองผู้ว่าฯราชบุรี" ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ผู้ประกอบการเดินเรือตลาดน้ำดำเนินสะดวก ร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีสู่สายตานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
"บิ๊กกุ้ง" ลั่นหลังเกษียณ ไม่สนใจเล่นการเมือง หากเป็นไปได้เงิน"คณะรวมพลังแผ่นดินฯ" ถ้านำมอบให้ ขอจัดซื้อเป็นสิ่งของบริจาคช่วยทหารชายแเดนดีกว่า
อิสราเอลเสนอยกระดับความสัมพันธ์ซีเรีย-เลบานอน
จนท.รวบ "หนุ่มเขมร" ลอบขนซิมการ์ด 200 หมายเลข พร้อมยึดเงิน 1 แสนบาท ดำเนินคดีก่อนผลักดันกลับประเทศ
อาหารแปรรูปไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป สามารถรับประทานได้ปลอดภัย
เกษตรกรยัน ปรับตัวอยู่กับ "ปลาหมอคางดำ" มีข้อดีและไม่อันตรายอย่างที่เป็นข่าว
นายกฯ คุยแก้ส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา ยันไร้สินค้าตกค้าง เร่งกำหนดโควต้าปรับราคาในประเทศ
นายทะเบียนสหกรณ์ ยืนยัน ไม่ได้ออกคำสั่งฯ ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นเรียกคืนเงินปันผล-เฉลี่ยคืน จากสมาชิก หลังตรวจพบสหกรณ์คำนวนเงินปันผลสมาชิกคลาดเคลื่อน เผยสั่งตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง เอาผิดผู้ปล่อยปละละเลยสร้างความเสียหายแก่สหกรณ์
เจ้าหน้าที่ผลักดันชายกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองพร้อมขนซิม 200 เบอร์พร้อมเงินแสน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น