สธ.ชี้แจง หลังมีดราม่านำเข้า “ซิโนแวค” เพิ่ม 12 ล้านโดส

สธ.ชี้แจง หลังมีดราม่านำเข้า "ซิโนแวค" เพิ่ม 12 ล้านโดส

วันที่17 ส.ค. 2564  ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน ชี้แจงกรณีการสั่งนำเข้าซิโนแวคเพิ่มอีก 12 ล้านโดส ว่าการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนเพื่อรับมือกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา พบว่าการฉีดไขว้ชนิดวัคซีนระหว่างชนิดเชื้อตาย ซิโนแวค กับวัคซีนแอสตราเซนเนกา สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูง ภายในเวลารวดเร็ว 3-4 สัปดาห์ ไม่ต้องรอการฉีดแอสตราฯ เข็มที่ 2 นานถึง 3 เดือน และยังเป็นการแก้ปัญหาวัคซีนแอสตราฯ ที่จัดส่งได้ไม่สูงมากนัก โดยขณะนี้การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมและกว้างขวางมากที่สุดถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ส่วนวัคซีนโควิดซึ่งพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 มีโอกาสที่เป็นวัคซีนหลัก ในปี 2565

ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มอายุต่างๆ พบว่า กลุ่มอายุ 0-17 ปี และอายุ 18-40 ปี อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก และพบมากขึ้นในกลุ่มอายุ 41-60 ปี โดยพบสูงสุดในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่กราฟอัตราการเสียชีวิตในเดือน มิ.ย.64 พบมากถึง 14.62 % แต่ในเดือน ก.ค.64 ลดลง 12.70% ซึ่งจะต้องติดตามและเปรียบเทียบว่าเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นหรือไม่

นพ.เฉวตสรร เปิดเผยถึงจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเป็นวัคซีนกระตุ้น เข็มที่ 3 ซึ่งปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.64 โดยระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 3 เน้นให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉีดแล้ว 501,477 คน หากพบความผิดปกติ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นผิดไปจากกลุ่มเป้าหมาย ขอให้แจ้งข้อมูลมายังกระทรวงสาธารณสุข

 

ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ฉีดแล้ว 356,337 คน คิดเป็น 7.27% โดยแรงงานเมียนมาในพื้นที่ระบาดเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีนสูงสุด รองลงมาเป็นคนสัญชาติจีนและกัมพูชา ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุชาวต่างชาติ 27,028 คน

 

ด้าน นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการติดตามประสิทธิผลวัคซีนซิโนแวค 2 โดส ที่ได้ประเมินจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อ 3,906 คน ในจำนวนนี้ 2,154 คน ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบโดส 2 เข็ม นาน 14 วัน ขณะที่บุคลากร 598 คน ไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้นวัคซีนซิโนแวคจากการใช้งานจริง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของไวรัส แต่ยังป้องกันการติดเชื้อได้ 72% และมีประสิทธิภาพคงที่ไม่ลดลงในช่วง 3 เดือน ( พ.ค.- ก.ค. ) ขณะที่ประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต มีมากถึง 98%

 

ส่วนวัคซีนแอสตราฯ ฉีดครบ 2 เข็มป้องกันการติดเชื้อได้ 96% ส่วนผู้ที่ได้รับแอสตราฯ เข็มเดียว มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ 88% วัคซีนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดการติดเชื้อ ลดป่วยรุนแรง และลดการเสียชีวิต แต่การฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุยังค่อนข้างต่ำ ขอเชิญชวนให้พาผู้สูงอายุไปรับวัคซีน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ปั๊มน้ำมันระเบิดดังสนั่นทั่วกรุงโรมของอิตาลี
"โฆษกทบ." แจงเหตุ "ทหารพรานไทย" ปะทะคารม "ทหารกัมพูชา" จุดชมวิวภูผี ไม่ถึงขั้นรุนแรง ย้ำต่างฝ่ายต่างยึดข้อตกลง
"จุลพันธ์" อ้างเหตุครม.ใหม่ เตรียมถอนร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์-กาสิโน พิจารณาซ้ำ ยันไม่เกี่ยวปมขัดแย้งกัมพูชา
ดร.เฉลิมชัย ปิดหลักสูตร ปธส. 12 มุ่งสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤตโลกเดือด
"มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์" ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรทุ่งหลวง ราชบุรี มอบรถเข็นวีลแชร์ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วย ถวายเป็นพระราชกุศลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568
"หมอวรงค์" สรุปแยกเป็นข้อๆ ไต่สวนแพทย์-พยาบาล รักษา "ทักษิณ" พิรุธหนัก แพทย์อ้างส่งไปรพ.ตร. เพราะ "พยาบาลเวร" วินิจฉัยอาการ
ญี่ปุ่นทยอยอพยพประชาชนหลังแผ่นดินไหวกว่าพันครั้ง
รองปธน.จีนแขวะนิ่มๆสหรัฐเล่นสงครามการค้า
นักวิเคราะห์ถอดบทเรียนจากข้อตกลงภาษีสหรัฐ-เวียดนาม
"นฤมล" ประเดิมงาน ศธ.1 แถลงความพร้อม เป็นเจ้าภาพ งาน Asian Science Camp 2025 เชื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเยาวชนไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น