วันที่ 16 ส.ค. – นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. จัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่รัฐบาล แต่สุดท้ายกลับมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่และมีการเผาทำลายทรัพย์สินทางราชการว่า ถือเป็นลีลาเดิมๆ ของนายณัฐวุฒิ ที่ต้องการไม่ให้คนหลงลืมหรือหายหน้าหายตาไปจากพื้นที่สื่อ หรือในภาษาคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า ‘หิวแสง’ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่านายณัฐวุฒิ จะออกหน้าปกป้องการกระทำของกลุ่มมวลชนก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านๆ มา การประกาศยุติการชุมนุมของผู้มีอำนาจตัดสินใจในกลุ่มมวลชนนั้น กลายเป็นรหัสที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า จะมีการทำลายทรัพย์สินของราชการและเอกชนทั่วไป โดยไร้ความรับผิดชอบจากกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมฝูงชน ไม่มีทางเลือกจึงต้องใช้มาตรการเพื่อป้องกันทรัพย์สิน และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปลอดภัยจากเหตุอันไม่คาดฝันที่เกิดจากผู้ชุมนุมได้
นายชัยชนะกล่าวว่า ตนเชื่อว่า นายณัฐวุฒิน่าจะทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงได้ทำตามบทบาทที่ถนัด จนกระทั่งคนในแวดวงของการชุมนุม ยังชมว่านายณัฐวุฒิ จัดการชุมนุมเมื่อวานนี้มีแต่ได้กับได้ แต่ประชาชนทั่วไปแล้วถือว่า ‘เสียกับเสีย’ เพราะนอกจากไม่ได้อะไรจากการชุมนุมในที่ผ่านมาแล้ว ยังต้องมาร่วมรับผิดชอบในการเสียภาษีเพื่อเป็นงบประมาณในการจัดซื้อหารถยนต์และครุภัณฑ์ เพื่อทดแทนจากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นด้วย ลีลาการเล่นการเมืองของนายณัฐวุฒิ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทั่วไปหรือแม้แต่คนรุ่นใหม่เอือมระอาเป็นอย่างมาก เนื่องจากพอถึงเวลาทำงาน กลับไม่มีความโดดเด่นให้ประชาชนจำได้ว่า
นายชัยชนะกล่าวอีกว่า นายณัฐวุฒิทำอะไรไว้บ้าง เรื่องนี้คนในกระทรวงพาณิชย์ น่าจะทราบดี หรือแม้แต่ความรับผิดชอบขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น ‘เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง’ นายณัฐวุฒิก็ยังไม่สามารถรับผิดชอบตามที่พูดไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วได้ จึงไม่ได้แปลกใจที่นายณัฐวุฒิ แสดงบทบาทปกป้องการชุมนุมเมื่อวานนี้ โดยโยงว่าที่เกิดเหตุรุนแรง เนื่องจากความอัดอั้น โกรธแค้นการบริหารของรัฐบาล ทั้งๆ ที่ก่อนการชุมนุม นายณัฐวุฒิ อยู่ในวิสัยที่จะห้ามปรามมวลชนไม่ให้ก่อความวุ่นวาย อันเป็นการละเมิดทรัพย์และความสงบเรียบร้อยโดยส่วนรวม ดังนั้นถ้าหากอยากให้สื่อมวลชนกลับมาสนใจตัวเองแล้ว ก็น่าจะรู้ดีว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ควรจะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่ใช้แต่ลีลาเดิมๆ จนคนทั่วไปเขาจับได้ไล่ทันแล้ว