สำนักข่าวท็อปนิวส์ สอบขยายผลกฎหมายเกี่ยวข้อง ผู้ติดเชื้อเพศหญิง วัย 26 ปี ชาวนครศรีธรรมราช แจ้งไทม์ไลน์รู้ตัวติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังฝ่าฝืนขึ้นเครื่องบิน จากดอนเมืองกลับนครศรีธรรมราช เพื่อรักษาตัว พบเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
สืบเนื่องจากกรณีผู้ติดเชื้อ covid19 เพศหญิง วัย 26 ปี ในพื้นที่ ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช แจ้งไทม์ไลน์ ระบุถึงการเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ และนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะช่วงเย็น วันที่ 10 เม.ย. แจ้งว่าทราบผลติดเชื้อโควิด -19 แต่ปรากฎว่าในวันที่ 11 เม.ย. เวลา 17.30 น. ยังขึ้นเครื่องบินไทยไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL 792 ออกเดินทางออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง มายังท่าอากาศยาน จังหวัด นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช
ต่อมาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศแจ้งให้ผู้โดยสารที่เดินทางมากับสายการบินไลอ้อนแอร์ วันที่ 11 เม.ย. เที่ยวบิน FL 1780 เส้นทางดอนเมือง-ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ระหว่างเวลา06.05-07.20 หมายเลขที่นั่ง 1A-3C และสายการบิน SL 792 เส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง-ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เวลา 17.10-18.40 น. หมายเลขที่นั่ง 7C-11F ให้เดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข เพื่อทำการสอบสวนโรคที่ รพ.มหาราช
ขณะที่ทางด้าน ร้อยโทสัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานดอนเมือง ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด โ พบหญิงรายดังกล่าว เข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาออกจริง และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนกรณีเครื่องวัดอุณหภูมิ ไม่ได้แจ้งเตือนหรือส่งสัญญาณใด ๆ เพราะโดยปกติ เครื่องวัดอุณหภูมิจะส่งสัญญาณเตือน ถ้าตรวจพบผู้ที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 จึงคาดว่าหญิงรายดังกล่าวอาจไม่แสดงอาการ
พร้อมยืนยันว่าเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เลือกนำมาใช้เป็นชนิดพิเศษิ แบบเอกซเรย์ สามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ค่อนข้างแม่นยำ และยังสามารถเตือน ผู้โดยสารที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่ไว้ใต้คาง เครื่องดังกล่าวก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตักเตือนด้วย ส่วนของความผิดของหญิงรายนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการปฏิบัติตามมาตรการคัดกรองของสนามบิน คือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสวมแมสก์ ก็จะไม่ถือว่าผิดกฎการบิน แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบถามไปยังกระทรวงสาธารณสุขต่อไปว่า ผู้ที่รู้ตัวว่าติดโควิดแต่ยังเดินทาง จะถือว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร