ชี้ท้องถิ่นหาพื้นที่สร้างศูนย์กักตัวผู้ป่วยโควิดช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้

นายก “แมกซ์”ทต.โพธิ์เสด็จเร่งเปิดศูนย์พักคอยพร้อมเตรียมเสนอขอเปิดศูนย์กักตัวผู้ป่วยโควิดเพื่อประหยัดงบประมาณผู้ถูกกักตัว อปท.ตามจ่ายหัวละ 950/วัน

วันที่ 12 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติของผู้ป่วยโควิดที่ติดทั้งครอบครัวพ่อแม่และลูก 2 คนรวมทั้งหมด 4 คน มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านทวดทอง ต.โพธิ์เสด็จ เขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช หลังจากเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครพื้นที่เสี่ยงสีแดงเข้มด้วยรถยนต์ส่วนตัวซึ่งเมื่อขับรถยนต์มาถึงนครศรีธรรมราช ในช่วงเย็นครอบครัวนี้มีความรับผิดชอบในสังคมสูงมากได้ประสานงานกับ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เข้าทำการตรวจร่างกาย ทาง รพ.คิดค่าตรวจคนละ 3,000 บาท รวม 4 คน 12,000 บาท ในระหว่างที่รอผลตรวจเขาไม่กล้ากลับเข้าบ้าน และไม่ลงจากรถไปใกล้ชิดกับคนอื่น ๆ โดยพยายามติดต่อหาที่พักตามโรงแรมต่าง ๆ และเล่าความจริงที่ตัวเองและครอบครัวเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเสี่ยงสูงสุด และกำลังรอผลการตรวจว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่ ทำให้ไม่มีโรงแรมหรือที่พักใดกล้ารับให้เข้าพัก “จึงติดต่อไปยังโรงแรมซึ่งทางราชการกำหนดให้เป็นที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงแห่งหนึ่ง โรงแรมดังกล่าวรับให้เข้าพักในห้องพักของโรงแรมได้ แต่คิดค่าห้องพัก/อาหารคืนละ 5,000 บาท ครอบครัวดังกล่าวก็ยินยอมจ่ายเงิน 20,000 บาทและเข้าพัก 1 คืน จนรุ่งเช้าผลการตรวจพบว่าทั้ง 4 คนมีติดโควิด ทางโรงแรมจึงประสาน รพ.มหาราช จัดรถมารับเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราช ในปัจจุบันทั้ง 4 คนครอบครัวนี้ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ.มหาราช”

นายวิฑูรย์ หัสภาคย์ นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์เสด็จ กล่าวว่า ตนทราบเรื่องที่โรงแรมบางแห่งรับชาวบ้านทวดทอง ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับบ้านของตน ครอบครัวนี้ทั้งครอบครัว 4 คนเดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเสี่ยงสูงสุดคือกรุงเทพมหานครด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถูกโรงแรมคิดค่าพักคืนละ 5,000 บาทต่อคน รวม 20,000 บาท รุ่งเช้าผลตรวจพบว่าทั้ง 4 คนติดโควิดโรงแรมประสาน รพ.มหาราช มารับตัวไปรักษาอยู่ในขณะนี้ ตนรับไม่ได้การทำธุรกิจบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน โดยการกักตัวกลุ่มเสี่ยงโควิดตามที่ทางราชการกำหนดให้กักตัว 14 วัน ซึ่งมีระเบียบราชการกำหนดว่าบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่ถูกกักตัวมีภูมิลำเนาในพื้นที่ของ อปท.ไหนทาง อปท.นั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมาแต่ละ อปท.ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สูงมาก เช่น มีกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการกักตัว 10 คนค่าที่พักคืนละ 800 ค่าอาหารมื้อละ 50 บาท 3 มื้อ 150 บาท รวมค่าใช้จ่ายวันละ 950 บาทโดยทุกคนจะต้องกักตัว 14 วันตามมาตรการที่รัฐกำหนด เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าที่พัก/อาหารคนละ 13,300 บาท ถ้า 10 คนก็ต้องจ่าย 133,000 บาท โดย อปท.หลายแห่งมีผู้ถูกตัวนับพันคนต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณที่ได้จากภาษีของประชาชนทั้งนั้น ทางราชการก็ควรจะสนับสนุนการกักตัวในพื้นที่ของบแต่ละ อปท. และถ้าเป็นไปได้พื้นที่ส่วนตัวของตนสร้างศูนย์พักคอย 5 ไร่ และเหลือพื้นที่อีกด้านหนึ่ง 7 ไร่ ตนอยากจะเปิดเป็นศูนย์กักตัวกลุ่มเสี่ยง 14 วันฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ทาง อปท.ต้องตามจ่ายให้กับศูนย์กักตัวที่ทางราชการกำหนดให้กลุ่มเสี่ยงไปกักตัวในโรงแรมที่ราชการกำหนด หากมีสถานที่กักตัวในแต่ละ อปท.เองนอกจากประหยัดค่าใช้จ่ายแล้วยังส่งเสริมให้คนในแต่ละชุมชนมีงานทำ มีรายได้ด้วย เช่น เป็นอาสาสมัครเข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้ถูกกักตัว รับประกอบอาหารจัดเลี้ยง รับซักเสื้อผ้า รับจ้างออกไปซื้อของ หรือทาง อปท.อาจจะมีการจัดตั้งเป็นโรงครัวผลิตอาหาร ซึ่งผู้ประกอบการและคนในชุมชนก็พร้อมที่จะสนับสนุนช่วยเหลือ บริจาควัสดุ อุปกรณ์และพืชผักต่าง ๆ จัดเลี้ยงผู้ที่กักตัว 3 มื้อ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายที่ อปท.ต้องตามจ่ายคนละ 950 บาท/วัน อาจจะเหลือแค่ค่าอาหารหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งในช่วงวิกฤติแบบนี้นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังรณรงค์ส่งเสริมให้เปิดหมู่บ้านสีฟ้า“คนคอน รวมใจสู้ภัยโควิด” โดยมุ่งสนับสนุนส่งเสริมให้คนในแต่ละท้องถิ่นร่วมด้วยช่วยกัน เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ทำให้ชุมชน/หมู่บ้านมีส่วนร่วมในการต่อสู้ฝ่าวิกฤติโควิดไปด้วยกัน ซึ่งผู้ว่า ฯตั้งเป้าที่จะลบพื้นที่สีแดง และสร้างพื้นที่สีฟ้าทั่วจังหวัดให้ได้ร้อยละ 95 ภายใน 30 วัน การเปิดโอกาสให้แต่ละ อปท. เปิดศูนย์กักตัวกลุ่มเสี่ยงน่าจะดีกว่าการกำหนดให้กลุ่มเสี่ยงต้องไปกักตัวอยู่ในโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งเหมือนในปัจจุบัน เพราะเป็นเหมือนการทำธุรกิจบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน

นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์เสด็จ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการก่อสร้างศูนย์พักคอยเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ซึ่งกำลังเร่งก่อสร้างศูนย์พักคอยเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ภายในที่ดินสวนป่าหลังตลาดนาชุม หมู่ 3 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ดินสวนป่าของตน ตัดปัญหาความไม่สบายใจของประชาชนที่จะเกหิดกศูนย์พักคอยในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยตนยอมควักกระเป๋าตัวเองในการปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำถนน ขยายไฟฟ้า ขุดบ่อบาดาล และจะใช้กระท่อมไม้ไผ่เป็นเรือนพักของผู้ป่วยที่มาพักคอย โดยมีผู้ร่วมบริจาคช่วยเหลือในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจะต้องใช้งบประมาณของทางราชการบางส่วนในการสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ระบบอินเทอร์เน็ต และกล้องวงจรปิด รวมทั้งการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็น แต่เราจะใช้งบประมาณอย่างประหนัด รอบคอบมากที่สุด “ศูนย์พักคอยเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ จะเป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิดที่โล่งอยู่ห่างไกลชุมชน ท่ามกลางแมกไม้ ลำธาร ลมพัดอากาศเย็นสบาย แตกต่างจากศูนย์พักคอยทั่ว ๆ ไป ในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้กระท่อมไม้ไผ่ 20-25 หลังสามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้ 20 คน แต่หากผู้ป่วยเป็นครอบครัวก็จะพักในกระท่อมหลังเดียวกันได้ 2-3 คน หากมีจำนวนผู้ป่วยเยอะสามารถที่จะปรับขยายพื้นที่ศูนย์พักคอยออกไปได้อีก เพราะที่ดินสวนป่าของตนทั้งหมด 12 ไร่ ใช้สอยพื้นที่ในช่วงแรกแค่ 5 ไร่ โดยแยกเป็นลานจอดรถ 1 ไร่ พื้นที่ปลูกฟ้าทะลายโจร 1 ไร่ พื้นที่บุคลาการทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ 1 ไร่ และพื้นที่เขตหวงห้ามสำหรับผู้ป่วย 2 ไร่เศษ ภายในอาทิตย์หน้าจะเริ่มเปิดให้บริการรับผู้ป่วยพักคอยอย่างเป็นทางการได้”.

ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ตำรวจ สภ.สัตหีบ" ใจฟู "หนุ่มใหญ่ใจบุญ" มอบทุนปรับปรุง "ตู้ยาม" เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
"นายกฯอิ๊งค์" ถวายสัตย์ปฏิญาณตน แล้ว ยิ้มตอบสื่อ พรุ่งนี้เริ่มทำงาน ก.วัฒนธรรม
ชาวบ้านล้อมจับโจรขโมย จยย. ผู้ก่อเหตุแกล้งเมา พูดไม่รู้เรื่อง
"ท็อปนิวส์" ขออภัยนำเสนอภาพและคลิปข่าว "โดรน JOUAV" ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
เรือเฟอร์รี่อินโดนีเซียล่มใกล้เกาะบาหลี
โซเชียลสวดยับ “จิรัฏฐ์” เหยียด "สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ" ลั่นแรง "อิพวกแม่บ้าน"
"หนุ่มวัย 28" ดับปริศนาคาโรงแรม กับงูเห่าในถุงผ้าที่มัดไว้
คืนเดียว 2 เคส หนุ่มไทยหนีตายจากแก๊งบัญชีม้า เล่าชะตากรรมสุดช้ำในกรุงปอยเปต
"ปตท." ครองบริษัทชั้นนำอันดับ 1 ในไทย ซ้ำได้อันดับ 2 ใน Southeast Asia ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน สะท้อนศักยภาพดำเนินงานเป็นเลิศในระดับสากล
"ปตท." จับมือ บีเอ็นพี พารีบาส์ ลงทุนตราสารหนี้ ESG หนุนภารกิจยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น