วันที่ 12 ส.ค. – นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ประเทศไทยตั้งแต่สมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็ได้มีโครงการไทยคม 4,6,7,8 เป็นจำนวน 4 ดวงที่ได้ขอสัมปทานจากรัฐไป ซึ่งปรากฎว่า สัมปทานดาวเทียมไทยคม 4,6 จะหมดอายุในวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยจะตกเป็นสมบัติของรัฐตามเดิม ต่อมาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้ตัดสินใจที่จะเปิดประมูลทั้งหมด แยกเป็น 4 Package หรือ 4 ชุด หลังจากนั้นมีผู้สนใจเข้ามายื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกในวันที่ 5 ก.ค.2564 ซึ่งมีบริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด เป็นบริษัทที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้น 100% เข้ามายื่นเอกสารเข้าร่วมการคัดเลือกเพียงรายเดียว ทำให้หลังจากนั้นสำนักงาน กสทช.จึงยืดการประมูลออกไป
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ได้มีการลงนามให้บริษัทรัฐวิสาหกิจของประเทศชื่อ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้ที่จะเข้ามารับช่วงบริหารไทยคม 4 และ 6 โดยจะเริ่มเข้าไปบริหารตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.64 มีพิธีลงนามกันเรียบร้อย แต่ในวันที่ 6 ส.ค. เวลา 16.20 น.ก่อนหมดอายุวันสุดท้ายที่จะซื้อซองได้ บริษัท NT ของรัฐกลับไปซื้อซองที่จะเข้าไปทำการประมูล ซึ่งการซื้อซองในครั้งนี้ส่งผลให้บริษัท NT จะไปแข่งขันกับบริษัทของไทยคม แล้วทำให้การประมูลเกิดความชอบธรรม ใครที่ชนะก็จะได้ไป ทั้งนี้ตามกำหนดในวันที่ 11 ส.ค. บริษัท NT จะต้องไปยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันการประมูล แต่ปรากฎว่าทางบริษัท NT ไม่ได้ไปยื่น จึงสรุปสถานการณ์ตอนนี้ว่าถ้ามีการประมูลคลื่นความถี่ดาวเทียม โดยกสทช.ต่อไป มีบริษัทของไทยแห่งเดียวที่จะประมูลได้
“ผมขอคัดค้านและขอเสนอให้ยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ เพราะการประมูล 4 Package ในครั้งนี้มันรวมคลื่นที่เกี่ยวกับความถี่ทางการทหาร ไม่ว่าจะเป็น L band หรือ X band เข้าไปด้วย ซึ่งในอนาคตจะกลับไปเหมือนกับที่ผ่านมา ที่การทางทหารใช้คลื่นความถี่ทางดาวเทียมที่บริษัทไทยคมเป็นผู้ดูแล ที่ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ของประเทศสิงคโปร์ เพราะนั้นความลับทางการทหารสามารถถูกล้วงไปได้ ถึงตอนนี้ผ่านมาหลาย 10 ปีแล้ว มีโอกาสจะกลับมาเป็นของประเทศไทย ถ้าเราไปเปิดประมูล แล้วเขาได้ไป กลายเป็นว่าความลับทางการทหารที่ผ่านคลื่นนี้จะต้องขออนุญาตเอกชนใช้ และเผลอ ๆ เอกชนคิดเงินตังค์อีก” นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ถ้ายังจะประมูลต่อต้องให้ 3 เหล่าทัพมาแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากไม่ประมูลอาจจะให้รัฐวิสาหกิจของรัฐ อาจจะเป็นบริษัท NT มาบริหารจัดการ มันจะทำให้รัฐสามารถขายอินเตอร์เน็ตราคาถูกให้กับประชาชนได้ รวมถึงการสื่อสารทางไกล เช่น การสอนหนังสือผ่านดาวเทียมฟรีทั่วประเทศ และทางความมั่นคงของทหารก็จะเป็นความลับได้ต่อไป นอกจากนี้กสทช.ชุดนี้หมดเวลาการทำงานไปเป็นปีแล้ว แต่ยังอยู่ในตำแหน่งเพราะทำหน้าที่รักษาการ คงต้องเสนอให้วุฒิสมาชิกเร่งคัดเลือกคณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ และหากจะประมูลจริงๆ ก็ควรให้ กสทช.ชุดใหม่ เป็นผู้จัดประมูลอนาคตของชาติ อย่างไรก็ตามตนจะทำหนังสือถือนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เพื่อชี้แจงเหตุผลสำคัญที่จะควรล้มการประมูลในครั้งนี้ออกไปก่อน และให้มีการศึกษาอย่างรอบคอบครบทุกด้าน